บทเรียนจาก Bill Gates: การเก็บเงินอย่างระวัง และลงทุนอย่างมีสติ

Bill Gates ผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์ เป็นคนที่มีความเชื่อมั่นมาเสมอ ตั้งแต่เขาเลือกที่จะลาออกจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ด้วยอายุเพียง 19 ปี ด้วยความเชื่อที่ว่าคอมพิวเตอร์จะกลายเป็นหนึ่งในเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องมีในบ้านทุกหลัง ในช่วงเวลานั้น คงไม่มีใครเชื่อเขา และอาจจะหาว่าเขาเสียสติ แต่ความสำเร็จของเขาได้เป็นเครื่องยืนยันทุกสิ่งไปแล้ว

Bill Gates Investment

ในช่วงเวลาที่ Bill กำลังเริ่มก่อตั้งบริษัท Microsoft เขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ แต่กับเพื่อเป็นแผนการสำรอง Bill Gates ได้ทำการสำรองเงินสดจำนวนหนึ่ง ซึ่งมากพอที่จะให้บริษัทของเขาคงอยู่ได้ถึง 12 เดือน แม้ว่าบริษัทจะไม่มีรายได้ก็ตาม 

มุมมองของ Bill Gates ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจ แม้ว่าเขาจะมีแผนการที่ยิ่งใหญ่ แต่เขาก็ยังไม่ลืมที่จะมองถึงโอกาสที่เขาจะพลาด การเป็นคนที่มีความระมัดระวัง ไม่ได้แปลว่าคุณจะต้องเลี่ยงการถือความเสี่ยงในชีวิตไปทั้งหมด การที่คุณจะสำเร็จในชีวิตได้ คุณต้องรู้จักมองโลกทั้งสองด้านให้สมดุลกัน

“ผมมักจะระวังเรื่องจำนวนพนักงานที่ผมจ้างเสมอ เพราะพวกเขามักจะมีอายุมากกว่า และมีครอบครัวที่ต้องดูแล มันมักจะทำให้ผมกังวลว่า ผมจะหารายได้มาจ่ายค่าจ้างพวกเขาได้พอไหม ” Bill ได้กล่าวไว้ในรายการ The Ellen DeGeneres Show ที่เขาเคยได้ไปให้สัมภาษณ์ในปี 2017

การมองโลกในแง่ดี จะช่วยให้คุณสามารถวางแผนในระยะยาวได้ แต่การมองโลกในแง่ร้าย จะช่วยให้คุณสามารถทำความเข้าใจกับสถานการณ์ตรงหน้าได้ดีกว่า 

การเก็บเงินอย่างระวัง

John Littlewood นักคณิตศาสตร์ จากสหราชอาณาจักร เป็นผู้สร้างทฤษฎี Law of Miracles หรือกฎแห่งปาฏิหาริย์ ซึ่งในการคำนวนของเขา ได้แสดงให้เห็นว่า ในชีวิตของคนหนึ่งคน เรามีโอกาสได้พบกับปาฏิหาริย์ได้เพียงแค่เดือนละหนึ่งครั้ง

“ในช่วงเวลาที่เราตื่นและใช้ชีวิต เราสามารถสัมผัสสิ่งรอบตัวได้ประมาณ 1 อย่างต่อวินาที ซึ่งในแปดชั่วโมงนี้ อาจจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นประมาณ 30,000 ครั้ง ซึ่งเมื่อนำมาคิดเป็นเดือน ก็อาจจะถึงหนึ่งล้านครั้งเลยทีเดียว” Freeman Dyson นักฟิสิกส์ชาวอเมริกัน ได้กล่าว

ในหลาย ๆ ครั้ง เราอาจจะสงสัยว่าปาฏิหาริย์ได้เกิดขึ้นกับเราเมื่อใด แล้วเพราะอะไรเราถึงสัมผัสไม่ได้ ซึ่ง Freeman ได้ให้คำอธิบายไว้ว่า “บางครั้ง เหตุการณ์เหล่านี้ก็อาจจะมาในรูปแบบของเรื่องเล็ก ๆ ” ซึ่งอาจจะทำให้คุณไม่รู้สึกถึงมัน หรือในอีกด้าน ปาฏิหาริย์อาจจะมาในรูปแบบของเหตุการณ์ที่เลวร้ายก็ได้

เรามักจะเปรียบเทียบเหล่าเหตุการณ์ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อย ว่าเป็น เหตุการณ์ระดับศตวรรษ หรือแปลง่าย ๆ ว่าเกิดขึ้นได้เพียงหนึ่งครั้งในรอบหนึ่งร้อยปี ยกตัวอย่างเช่น การระบาดของโรคกาฬโรค ที่เกิดขึ้นในช่วงปี 1720 สู่การระบาดของโรคอหิวาในปี 1817 และ การระบาดของไข้หวัดสเปนในปี 1918 จนมาถึงการระบาดของโรคโควิด-19 ในปัจจุบัน การเกิดของโรคเหล่านี้ ห่างกันประมาณ 100 ปี ซึ่งมันหมายความว่า โอกาสที่จะเกิดโรคระบาดนี้ มีเพียงแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้น เพียงแค่ว่าเหตุการณ์นี้ จะเกิดขึ้นในปีใด

โอกาสหนึ่งเปอร์เซ็นต์ อาจจะฟังดูเล็กน้อยสำหรับใครหลาย ๆ คน แต่แท้จริงแล้ว โอกาสเกิดเหตุการณ์ที่รุนแรง เพียงแค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์ ก็ทำให้เรารู้สึกไม่ค่อยสบายใจได้เหมือนกัน

โอกาสในการเกิดปาฏิหาริย์ ไม่ได้แปลว่าการเกิดเรื่องที่ดีเสมอไป เมื่ออ้างอิงตามกฎแห่งปาฏิหาริย์ ในชีวิตของคุณ ยังมีอีกเป็นพันล้านสิ่งที่อาจจะเกิดข้อผิดพลาดได้ ซึ่งอย่างน้อย คุณก็ควรที่จะเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์เลวร้ายที่คุณอาจไม่คาดคิดไว้เสมอ

การเก็บเงินอย่างระวัง ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องเก็บในสิ่งที่คุณหามาได้ทั้งหมด แต่คุณควรที่จะทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงที่อยู่รอบตัวคุณ และทำการสำรองเงินสดไว้เสมอ ซึ่งเมื่อคุณได้พบเจอกับสถานการณ์เลวร้าย การมีเงินสำรองนี้ อาจจะช่วยให้คุณสามารถเอาตัวรอดต่อไปได้

การลงทุนอย่างมีสติ

ในการแก้ไขปัญหา เรามักจะเลือกมองปัญหาไปทีละขั้นตอน โดยเรามักจะเลือกใช้ประสบการณ์หรือการเรียนรู้เข้าช่วย ซึ่งเมื่อเราได้พบเจอกับปัญหาเดิม ๆ ที่เราเคยรู้จักมันมาก่อน เราก็จะผ่านมันไปได้โดยง่าย

เพราะการเติบโตในชีวิตของเรานั้น เป็นเสมือนการสั่งสมประสบการณ์ เราไม่เคยลืมในนวัตกรรมที่ผ่านมา และเมื่อเราได้พบเจอกับปัญหา เราก็มักจะสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อมาแก้ไขสิ่งนั้น เมื่อเรามามองในระยะยาว เราก็สามารถเห็นได้ว่า เวลาจะช่วยให้ทุกสิ่งเติบโตต่อไป

ยกตัวอย่างเช่น การเป็นเจ้ามือในการแข่งขันไพ่ เจ้ามือมักจะได้เปรียบกว่าผู้เล่น ประมาณ 0.5 เปอร์เซ็นเสมอ ซึ่งตัวเลขนี้ อาจจะฟังดูเล็กน้อย แต่มันก็หมายความว่าเจ้ามือนั้น มีโอกาสชนะมากกว่าผู้เล่นในระยะยาว 

ซึ่งการเติบโตของเศรษฐกิจก็ไม่ได้ต่างจากความน่าจะเป็นก่อนหน้านี้เท่าไหร่ โดยเฉพาะกับการทำธุรกิจ ซึ่งยิ่งมีผู้ประกอบการที่สามารถทำกำไรได้มากเท่าไหร่ อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น และการถดถอยของเศรษฐกิจ ไม่ได้หมายถึงความเสียหายเพียงอย่างเดียว แต่มันก็เปรียบเสมือนเชื้อเพลิงที่จะช่วยผลักดันให้เราสามารถเรียนรู้ต่างหาก

การลงทุนอย่างมีสติ ต้องอาศัยการเอาตัวรอด การทำความเข้าใจในปัญหา และการยอมรับในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ก่อนที่คุณจะกลายเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจต่อไป

อ้างอิงจาก CNBC

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ถอดบทเรียนการเงิน SMEs จาก Financial Clinic+ โดย Techsauce x ThinkMate Business Advisory เปลี่ยนตัวเลขหลังบ้าน ให้เป็นกลยุทธ์นำธุรกิจ

Techsauce ผนึกกำลังกับ ThinkMate Business Advisory ริเริ่มโครงการ Financial Clinic+ ขึ้น เพื่อทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง ช่วยปลดล็อกศักยภาพ SMEs ไทยผ่านความเข้าใจเรื่องบัญชีและการเงินท...

Responsive image

Yann LeCun เปิดตัว AMI Labs สตาร์ทอัพใหม่ ทุ่มสร้าง AI ที่เข้าใจโลกอย่างแท้จริง

Yann LeCun นักวิทยาศาสตร์ AI ระดับตำนานและเจ้าของรางวัล Turing Award เปิดตัว AMI Labs สตาร์ทอัพใหม่ที่เดิมพันอนาคต AI ด้วยแนวคิด World Model สร้าง AI ที่เข้าใจโลกจริง...

Responsive image

Techsauce ผนึก TCEB - หอการค้าโคราช ปักหมุดจัดงาน Techsauce Next Entrepreneur's Summit 'The Gateway to Isan' เร่งเครื่องโคราชสู่เมือง AI ระดับประเทศ

Techsauce ผนึก TCEB - หอการค้าโคราช ปักหมุดจัดงาน Techsauce Next Entrepreneur's Summit 'The Gateway to Isan' เร่งเครื่องโคราชสู่เมือง AI ระดับประเทศ...