‘บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย หรือ JKN’ ประกาศแผนธุรกิจหลังย้ายเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในงาน “JKN Spectacular Investment for Life –อลังการเจเคเอ็นอาณาจักรแห่งการเติบโตอย่างยั่งยืน” เดินเกมจัดทัพธุรกิจต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่มสู่กลุ่มธุรกิจใหม่ ได้แก่ สินค้าอุปโภคบริโภคในกลุ่มสุขภาพ ความงามและไลฟ์สไตล์ครบวงจร ชูกลยุทธ์ผสานจุดแข็ง 3 ด้าน CEO Branding, ความเชี่ยวชาญการทำตลาด และ Creative Content Marketing ปั้นรายการหนุนสร้างแบรนด์ ผ่านช่องทางทีวีดิจิทัล และแพลตฟอร์มออนไลน์ ตั้งเป้า 3 ปี รายได้รวมทั้งกลุ่ม 5,000 ล้านบาท
คุณจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ JKN เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจของกลุ่ม JKN หลังย้ายเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะมุ่งสร้างการเติบโตของบริษัทฯอย่างยั่งยืน รองรับโอกาสนักลงทุนสถาบันทั้งใน และต่างประเทศเข้ามาลงทุนในหุ้น JKN แบบระยะยาวและรับผลตอบแทนที่ดี หลังจากบอร์ดอนุมัติแผนจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ และจัดตั้งเป็นบริษัทร่วมทุน เพื่อรุกขยายธุรกิจ สู่การเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าเพื่อสุขภาพ-ความงาม ธุรกิจเครื่องดื่ม และธุรกิจบริการด้านความงามและไลฟ์สไตล์ โดยคาดว่าภายในไตรมาสที่ 1 ปี 2564 ภายหลังจากที่บริษัทฯเข้าทำรายการตามที่ได้รับการอนุมัติจากบอร์ดเสร็จสิ้นแล้ว
การดำเนินงานของบริษัทฯ จะแบ่งกลุ่มธุรกิจออกเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ (1) กลุ่มธุรกิจ Content ซึ่งเป็นธุรกิจเดิมที่จัดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ทั้งนำเข้าและส่งออกไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงเป็นผู้ผลิตคอนเทนต์ และรายการข่าวการเงินเศรษฐกิจชั้นนำของประเทศ และ (2) กลุ่มธุรกิจ Commerce ประกอบด้วย สินค้าเพื่อสุขภาพ-ความงาม สินค้าอุปโภคบริโภคครบวงจร ที่ครอบคลุมตั้งแต่ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร อาหารแห้ง อาหารสำเร็จรูป เครื่องดื่มและไลฟ์สไตล์ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตสูง
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนการขยายธุรกิจ โดยต่อยอดจากความเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทำตลาดจากกลุ่มธุรกิจ Content ในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมคอนเทนต์ในภูมิภาคอาเซียน ภายใต้กลยุทธ์ ‘ซูเปอร์สตาร์มาร์เก็ตติ้ง’ สนับสนุนให้กลุ่มธุรกิจ Commerce แข็งแกร่งและผลักดัน ให้ผลการดำเนินงานธุรกิจนี้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมช่วยกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งเพียงอย่างเดียว ขณะที่กลุ่มธุรกิจ Content ของบริษัทฯ ยังคงเดินหน้ารุกขยายตลาดต่างประเทศในภูมิภาคอื่นๆ ทั่วโลก โดยในปี 2564 ตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์อยู่ที่ 50% เพื่อผลักดันให้บริษัทก้าวสู่การเป็นบริษัท Global Company ในอุตสาหกรรมค้าลิขสิทธิ์คอนเทนต์ระดับโลก ภายใน 3 ปีข้างหน้า
“Key Success ที่ทำให้เราก้าวเป็นผู้นำตลาดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในภูมิภาคนี้ มาจากความเชี่ยวชาญการทำตลาด และความเข้าใจในพฤติกรรมของผู้บริโภค และวันนี้เราพร้อมนำความเชี่ยวชาญไปต่อยอดสู่ธุรกิจสินค้าเพื่อสุขภาพ ความงาม และสินค้าเพื่อการอุปโภคบริโภค ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นก้าวครั้งสำคัญครั้งใหม่ของ JKN ที่ต้องการ นำพาบริษัทฯ ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายภายใน 3 ปี จะทำรายได้เพิ่ม 5,000 ล้านบาท และเราตั้งเป้าหมายที่จะเติบโตตามโมเดลแบบ Disney และ Universal ที่จะทำให้ JKN เติบโตอย่างยั่งยืน” คุณจักรพงษ์ กล่าว
คุณกมลรัตน์ มงคลครุธ รองกรรมการผู้จัดการสายงานขาย JKN กล่าวว่า บริษัทฯ ได้นำจุดแข็งด้าน CEO Branding และการสร้างสรรค์คอนเทนต์ในเชิงการตลาด (Creative Content Marketing) มาช่วยสื่อสารการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ในกลุ่มธุรกิจ Commerce ผ่านรูปแบบรายการต่างๆ ทั้งการผลิตคอนเทนต์โดย JKN (JKN Originals) ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 20 รายการ และ การ tie-in สินค้า ที่ดำเนินธุรกิจภายใต้ เจเคเอ็น โกลบอล ลิฟวิ่ง เน็ต เวิร์ค และบริษัทร่วมทุนที่จัดตั้งขึ้นจากการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ทั้งนี้ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคของ JKN สามารถแบ่งออกเป็น 3 หมวดหลักๆ ได้แก่
1.) หมวดสินค้าสุขภาพและความงาม เช่น C-TRIA by Anne JKN (ซีเทรีย) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อผิวสวยสุขภาพดี และแก้ไขปัญหาผิวถึงระดับยีน / Olig Fiber (โอลิก ไฟเบอร์) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อรูปร่างดีช่วยดีท็อกซ์ปรับสมดุลในลำไส้ อุดมไปด้วยพรีไบโอติกและไฟเบอร์จากผักและผลไม้กว่า 10 ชนิด ช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอล ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและชะลอวัย / V-Allin (วี ออลิน) พลังเพื่อความสำเร็จวิตามินรวมกว่า 72 ชนิด ที่สกัดจากธรรมชาติ 100% ช่วยบาลานซ์และปรับสมดุลฮอร์โมนของร่างกาย / Fish Cap (ฟิช แคป) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับเด็ก วัย 1 ขวบขึ้นไป ช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็กทั้ง IQ และ EQ บำรุงสมองและสารสื่อประสาทที่มีผลต่อความจำสมาธิ และ Hair Now (แฮร์ นาว) ผลิตภัณฑ์ปลูกหนวด คิ้ว ผม และบำรุงรากผมให้แข็งแรง ดกดำ อยู่เสมอ
2.) หมวดอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ได้แก่ อาหารแห้งและอาหารสำเร็จรูปแบรนด์ หมี่วอย และ ทูฟิต เครื่องดื่มสมุนไพรสกัด และ เครื่องดื่มสมุนไพรสกัดผสมวิตามิน ภายใต้แบรนด์สินค้า CUPID (คิวปิด)
3.) หมวดสินค้าบริการด้านความงามและไลฟ์สไตล์ ได้แก่ ธุรกิจสอนทำอาหาร คลินิคศัลยกรรมตกแต่งความงาม เป็นต้น
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนออกผลิตภัณฑ์คุณภาพใหม่ๆ ปีละ 40-50 รายการ ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทุกกลุ่ม กระจายสินค้าไปทุกช่องทาง ทั้งร้านค้าปลีกทั่วไป (Traditional Trade) และร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) ทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางออนไลน์ ซึ่งมั่นใจว่าคุณภาพที่ดีของสินค้าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคอย่างแน่นอน
คุณธีรภัทร เพ็ชรโปรี รองกรรมการผู้จัดการสายงานการเงินและบัญชี JKN กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจ Commerce ถือเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพการสร้างรายได้และกำไรขั้นต้นที่ดีที่สูงกว่ากลุ่มธุรกิจ Content ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย 45% หลังจากต้นทุนค่าจำหน่ายลิขสิทธิ์มีราคาต่ำลง และเชื่อมั่นว่า โมเดลธุรกิจที่มุ่งจับมือร่วมทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจ ซึ่งมีจุดแข็งด้านการคิดค้นการผลิตสินค้า และการบริการในกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ ความงาม
และไลฟ์สไตล์ มาผนวกกับความชำนาญด้านการทำตลาดและการผลิตคอนเทนต์ของ JKN จะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนและเร่งอัตราการเติบโตด้านผลการดำเนินงานได้อย่างแน่นอน โดยคาดว่าภายใน 3 ปีข้างหน้า กลุ่มธุรกิจ Commerce จะทำสัดส่วนรายได้คิดเป็น 50% ของรายได้รวมทั้งหมด
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด