‘กสิกร อินเวสเจอร์’ บริษัทใหม่ของเคแบงก์ ดันเป็น Game Changer พลิกเกมบริการการเงินเจาะลูกค้ารายย่อย | Techsauce

‘กสิกร อินเวสเจอร์’ บริษัทใหม่ของเคแบงก์ ดันเป็น Game Changer พลิกเกมบริการการเงินเจาะลูกค้ารายย่อย

ต้องยอมรับว่า ปัจจุบันมีคนไทยเป็นจำนวนมากที่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงินในระบบ โดยเฉพาะกลุ่มครัวเรือนรายได้น้อย เจ้าของร้านค้าขนาดเล็ก กลุ่มอาชีพอิสระ ฟรีแลนซ์  ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความต้องการเงินทุนเสริมสภาพคล่อง จึงน่าจับตาว่า กสิกร อินเวสเจอร์ (KIV) บริษัทโฮลดิ้งภายใต้กลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารกสิกรไทย ที่เพิ่งแยกตัวออกมานั้น จะช่วยแก้ปมให้กลุ่มคนที่เป็นฐานใหญ่ของประเทศให้สามารถใช้บริการการเงินในระบบได้มากขึ้นด้วยวิธีใด

ให้ข้อมูลก่อนว่า บริษัทที่แยกมานี้ คุณพัชร สมะลาภา ถอดหมวกใบใหญ่ในตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย มาสวมหมวก Group Chairman ของ บริษัท กสิกร อินเวสเจอร์ จำกัด  หรือ เคไอวี (KASIKORN INVESTURE: KIV) โดยเปิดเผยในงานแถลงข่าวว่า ที่แยกบริษัทก็เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและคล่องตัวในการรุกธุรกิจให้บริการการเงินแก่ลูกค้ารายย่อยในกลุ่มที่ยังไม่เคยได้ใช้บริการการเงินในระบบ หรือกลุ่ม Unbanked, Underserved ร่วมกับการใช้ศักยภาพของพันธมิตร และการใช้ศักยภาพที่มีอยู่ของธนาคารในด้านโครงสร้างพื้นฐานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มาเป็นเครื่องมือในการลดต้นทุนธุรกิจและลดต้นทุนความเสี่ยงด้านเครดิตไปพร้อมๆ กัน

ลดต้นทุนธุรกิจ - จับมือพันธมิตร - ใช้ศักยภาพของเคแบงก์ 3 แกนหลักของ ‘กสิกร อินเวสเจอร์’

กลุ่มลูกค้า Unbanked, Underserved ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของกสิกร อินเวสเจอร์ หมายถึง กลุ่มผู้มีรายได้น้อย ไม่มีบัญชีธนาคาร, ผู้ที่มีบัญชีธนาคารแต่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินของธนาคารได้ ยกตัวอย่าง คนตัวเล็กตัวน้อยที่ทำธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งไม่ได้มีเงินเดือนเข้าทุกเดือนแบบชาวออฟฟิศ และความเคลื่อนไหวของตัวเลขในบัญชีธนาคารก็มากบ้าง น้อยบ้าง รายรับก็ไม่ใช่ตัวเลขที่เข้าบัญชีอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้มีโอกาสน้อยในการใช้บริการการเงินขั้นพื้นฐานกับธนาคาร โดยเฉพาะในรายที่ต้องการขอสินเชื่อจากธนาคารมาขยายธุรกิจ เพราะธนาคารจะขอดูบันทึกความเคลื่อนไหวของบัญชีธนาคาร (Statement) ประกอบการพิจารณาการให้สินเชื่อและการพิจารณาวงเงิน แต่เมื่อตัวเลขขาเข้าไม่สม่ำเสมอก็ไม่มีอะไรการันตีได้ว่า ลูกค้ารายย่อยที่ได้รับสินเชื่อไปแล้วจะสามารถชำระเงินคืนได้ตามนัด 

ธนาคารกสิกรไทยจึงวางยุทธศาสตร์เรียกลูกค้า - ลดต้นทุน โดยแยก กสิกร อินเวสเจอร์ ออกมา ‘ลงทุนในบริษัทร่วมกับพันธมิตร’ ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการเสริมความแข็งแกร่งทั้งของธนาคารและพันธมิตรด้วยการสร้างรายได้บนความเสี่ยงที่คุ้มค่า จากต้นทุนที่เหมาะสม โดยการทำธุรกิจการเงินรูปแบบใหม่ที่ผสมผสาน การใช้ทรัพยากรและโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งด้าน IT & Data ขององค์กร เช่น Big Data, AI, Machine Learning, Data Analytics มาเป็นเครื่องมือในการพิจารณา การให้บริการลูกค้า สร้างรายได้และลดต้นทุนธุรกิจในด้านการดำเนินงาน (Operating Cost) และความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ (Credit Cost) ผ่านบริษัทในโครงสร้าง 14 แห่ง โดยเมื่อพิจารณาจากรายชื่อบริษัท เชื่อว่าผู้อ่านจะเห็นภาพชัดขึ้น ว่ากสิกรเปิดดีลกับพันธมิตรที่มีฐานลูกค้าจำนวนมากอยู่แล้ว เช่น LINE และ Grab ซูเปอร์แอปใกล้ตัวที่มีผู้ใช้งานคนไทยจำนวนมาก และทุกๆ การใช้งาน การใช้จ่าย ก็จะมีการบันทึกข้อมูลจากความยินยอมจากลูกค้าอัตโนมัติ 

พันธมิตร 14 บริษัทที่อยู่ภายใต้โครงสร้างของกสิกร อินเวสเจอร์

ปัจจุบัน บริษัทที่อยู่ในโครงสร้างของกสิกร อินเวสเจอร์ มีอยู่ 14 แห่ง รวมมูลค่าการลงทุนประมาณ 30,000 ล้านบาท มีดังนี้

  • บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด (KASIKORN LINE CO., LTD.) 

ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพในแอปพลิเคชัน LINE ชื่อ LINE BK

บริษัท กสิกร ไลน์ อินชัวร์รันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (KASIKORN LINE INSURANCE BROKER CO., LTD.)

ธุรกิจนายหน้าประกันที่บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด เข้าไปลงทุน 100%

  • บริษัท ทีทูพี โฮลดิ้ง จำกัด (T2P HOLDINGS COMPANY LIMITED)

ธุรกิจให้บริการ e-Wallet เพื่อเป็นโซลูชันธุรกรรมการเงิน และบริการสินเชื่อผู้ประกอบการรายย่อย 

  • บริษัท ธิงเกอร์ฟินท์ จำกัด (THINKERFINT CO., LTD.)

ธุรกิจให้บริการพัฒนาระบบช่วยตัดสินใจในการอนุมัติสินเชื่อ

  • บริษัท กสิกร คาราบาว จำกัด (KASIKORN CARABAO CO., LTD.)

ธุรกิจบริการสินเชื่อและบริการทางการเงิน แก่กลุ่มลูกค้าถูกดี และบริษัทในกลุ่มธุรกิจคาราบาว  

  • บริษัท ทีดี ตะวันแดง จำกัด (TD TAWANDANG COMPANY LIMITED)

ธุรกิจบริหารจัดการร้านค้าปลีก ภายใต้ชื่อร้านถูกดี มีมาตรฐาน

  • บริษัท แคปเชอร์วัน จำกัด (KAPTURE ONE CO,. LTD.)

ธุรกิจที่กสิกร อินเวสเจอร์ ร่วมจัดตั้งกับ บัซซี่บีส์ เพื่อต่อยอดพัฒนาระบบ Loyalty Management ครอบคลุมถึงการออกแบบและพัฒนาแพลตฟอร์ม CRM

  • บริษัท บัซซี่บีส์ จำกัด (BUZZEBEES CO., LTD.) 

ธุรกิจที่ให้บริการแพลตฟอร์ม CRM, Loyalty Platform & Privileges เพื่อเชื่อมและบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า 

  • บริษัท กสิกร โกลบอล เพย์เมนต์ จำกัด (KASIKORN GLOBAL PAYMENT COMPANY LIMITED)

ธุรกิจให้บริการระบบรับชำระเงินดิจิทัล

  • บริษัท เงินให้ใจ จำกัด (NGERN HAI JAI Company Limited)

ธุรกิจให้บริการสินเชื่อรถยนต์

  • บริษัท คาร์ ฮีโร่ จำกัด (CAR HERO CO., LTD.)

ธุรกิจให้บริการสินเชื่อรถยนต์ 

  • บริษัท บริหารสินทรัพย์ เจ จำกัด (JAM: J ASSET MANAGEMENT COMPANY LIMITED)

ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพหรือหนี้เสีย และติดตามหนี้

  • บริษัท บริหารสินทรัพย์ เจเค จำกัด (JK AMC: JK ASSET MANAGEMENT COMPANY LIMITED)

ธุรกิจที่ธนาคารกสิกรไทยและเจเอ็มทีร่วมกันลงทุนจัดตั้งขึ้น เพื่อบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่มีและไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน (Unsecured Loan) 

  • Grab Holdings Limited

ธุรกิจบริการในรูปแบบของซูเปอร์แอปที่ใช้ในการเรียกรถ ส่งอาหาร ส่งของ และสั่งซื้อสินค้า 

และอยู่ระหว่างเตรียมการสำหรับบริการธุรกิจออนไลน์แพลตฟอร์ม Travel Ecosystem Platform 

‘Data Analytics’ หนึ่งในเครื่องมือเพิ่มโอกาสเข้าถึงบริการการเงิน และลดความเสี่ยงให้ธนาคาร

โดยทั่วไป การเก็บข้อมูลบุคคลโดยบริษัทหรือแพลตฟอร์มใดๆ จะต้องได้รับความยินยอมจากลูกค้า/ผู้ใช้งานก่อน จึงจะบันทึกข้อมูลลูกค้าเอาไว้ได้  และเนื่องจากแต่ละบริษัทมีการจัดเก็บข้อมูลลูกค้าแตกต่างกัน ดังนั้น เพื่อให้มีข้อมูลสำหรับพิจารณาการให้สินเชื่อรายบุคคล กสิกรไทยจึงเดินหน้านำเทคโนโลยี Data Analytics และ AI ขององค์กรมาพัฒนาเพื่อการเชื่อมต่อข้อมูลจากธนาคารและพันธมิตร มาประมวลผลข้อมูลเป็นเครือข่าย เช่น ข้อมูลลูกค้ากว่า 20 ล้านรายที่ใช้บริการ K PLUS, ข้อมูลการเข้าใช้บริการในสาขาต่างๆ, ข้อมูลจาก 14 บริษัทในโครงสร้างของกสิกร อินเวสเจอร์ 

ข้อมูลที่ลิงก์ถึงกันนี้จะทำให้เห็นพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอย ประวัติการชำระบิล ชำระหนี้ของผู้ใช้งาน และการมีข้อมูลที่มากพอก็สามารถนำมาวิเคราะห์รูปแบบการใช้จ่ายรายบุคคลได้ เพื่อนำเสนอบริการทางการเงินให้แก่ลูกค้าได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น ในทุก Ecosystem ทั้งออฟไลน์และออนไลน์ นอกจากนี้ ยังเป็นการเปิดทางให้ฟรีแลนซ์ เอสเอ็มอี พ่อค้าแม่ค้า ที่มีการบริหารจัดการเงินได้ดีและมีความรับผิดชอบ ได้รับการพิจารณาสินเชื่อผ่านระบบอย่างรวดเร็ว รู้ผลไว โดยไม่ต้องยื่น Statement และไม่ต้องรอผลการพิจารณาเป็นวันๆ หรือเป็นสัปดาห์อีกต่อไป 

“อย่างไรก็ตาม ธนาคารก็ยังต้องการดู Statement แต่เนื่องจากผู้ใช้งานอาจปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขให้ตัวเลขผ่านเกณฑ์ได้ ดังนั้น เราจึงหาทางเพื่อจะได้ข้อมูลที่แม่นยำขึ้นผ่านช่องทางอื่นโดยใช้เทคโนโลยี ซึ่งจะมีประโยชน์ต่อ Underbank คนคุณภาพที่อยากได้สินเชื่อเพื่อไปทำสิ่งต่างๆ ให้ดีขึ้นและพร้อมจ่าย” คุณพัชรกล่าว 

คุณพัชรเผยตัวเลขคาดการณ์ว่า มูลค่าการลงทุนใน 14 บริษัทจะเพิ่มเป็น 70,000 ล้านบาท ในปี 2568 และการให้สินเชื่อในระดับที่แมสขึ้นก็จะทำให้วงเงินสินเชื่อเพิ่มตาม จาก 40.000 - 45,000 ล้านบาทในปีนี้ อาจขยับไปเป็น 75,000 - 80,000 ล้านบาทในปี 2568 ทั้งนี้ สิ่งที่ธนาคารได้จากลูกค้าก็คือ ‘ดอกเบี้ย’ ที่เกิดจากการปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้นนั่นเอง

แต่ความคืบหน้าด้านเทคโนโลยี ณ ปัจจุบัน ธนาคารยังอยู่ระหว่างการนำความสามารถในการหยิบฟีเจอร์มาเชื่อมต่อเพื่อนำข้อมูลจากแต่ละแห่งมาใช้ในการวิเคราะห์ พิจารณาข้อมูลบุคคล ไปจนถึงการประมวลผลเพื่อให้การปล่อยสินเชื่อทำได้อย่างรวดเร็ว ไร้รอยต่อ  

และแม้งานนี้จะยาก แต่คุณพัชรกล่าวย้ำว่า “เราจะทำเทคโนโลยีให้เกิดขึ้นจริง” เพราะธนาคารเองก็ต้องการความมั่นใจว่า ผู้ขอสินเชื่อจะนำเงินไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ตรงตามวัตถุประสงค์ เช่น หากผู้ขอสินเชื่อกู้เงินไปทำธุรกิจ รายจ่ายหรือบัญชีปลายทางก็ควรจะเป็นซัพพลายเออร์ ไม่ใช่ไหลไปที่การช็อปปิง 

ในด้านเทคโนโลยีที่อยู่ระหว่างการพัฒนานี้ คุณพัชรบอกเพิ่มว่า ใช้เทคโนโลยีที่ธนาคารกสิกรไทยลงทุนและพัฒนาขึ้นเอง เพื่อให้ปรับฟีเจอร์การใช้งานได้ตรงตามวัตถุประสงค์ และเชื่อมั่นว่า จะเข้ามาลดขั้นตอนการทำงานและลดต้นทุนด้านการดำเนินงานได้ในคราวเดียว ตลอดจนสามารถเพิ่มมูลค่าองค์กรและรายได้ให้แก่ธนาคารต่อไป เพราะเมื่อจำนวนผู้ขอสินเชื่อที่มีคุณภาพเพิ่มมากขึ้น วงเงินขยายตัวออกไป เป็นการสร้างรายได้ใหม่ให้แก่ธนาคาร ทำให้ธนาคารมีกำไรทางธุรกิจที่สูงกว่าธนาคารบริหารจัดการเอง รวมทั้งทำให้ธนาคารมีการเติบโตต่อเนื่องอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

บทความนี้เป็น Advertorial 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

BOI ลงุทน 1.7 แสนล้าน ปูทางเศรษฐกิจใหม่ โครงการใหญ่ AI - Data Center - SAF

BOI อนุมัติลงทุน 1.7 แสนล้าน! ดึง TikTok - Siam AI ปักฐานดิจิทัล & AI ในไทย พร้อมผลักดัน 5 ยุทธศาสตร์ใหญ่ เสริมอุตสาหกรรมชีวภาพ-เชื้อเพลิง SAF เร่งไทยขึ้นแท่น Digital Hub ระดับโลก...

Responsive image

TikTok เตรียมลงทุนในไทยกว่าแสนล้านบาท ! สร้าง Data Hosting ในกรุงเทพฯ สมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา

หลังจากที่บิ๊กเทคฯ ตบเท้าเข้ามาลงทุนในไทยทั้ง Google, Microsoft ไปจนถึง AWS ล่าสุดเป็นคิวของแพลตฟอร์มคลิปสั้นยอดนิยมอย่าง TikTok ที่เตรียมเข้ามาลงทุนในประเทศไทยด้วยงบการลงทุนกว่าแส...

Responsive image

ByteDance ขอท้าชน เปิดตัว Doubao 1.5 Pro AI ท้าทายยักษ์ใหญ่จากสหรัฐฯ ด้วยต้นทุนต่ำแต่ประสิทธิภาพสูง

AI สัญชาติจีนมาแรง! ByteDance ผู้สร้าง TikTok เปิดตัว Doubao 1.5 Pro AI ม้ามืดที่กำลังท้าทายยักษ์ใหญ่ในวงการ ด้วยประสิทธิภาพที่สูงและต้นทุนที่ต่ำ แต่ยังคงประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมแม้...