ในช่วงที่เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ งานสัมมนา KPMG Business Leaders’ Summit 2024: Ignite your business with innovation ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา ได้รวบรวมผู้นำจากบริษัทชั้นนำกว่า 250 แห่งได้มาร่วมแบ่งปันมุมมองเกี่ยวกับอนาคตของธุรกิจไทย เพื่อร่วมกันสำรวจแนวทางการขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเติบโตอย่างยั่งยืน ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
เจริญ ผู้สัมฤทธิ์เลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เคพีเอ็มจี ประเทศไทย เมียนมาร์ และลาว กล่าวว่า:
“งานสัมมนา KPMG Business Leaders’ Summit ปีนี้ มีผู้ร่วมสัมมนาจากบริษัทชั้นนำของไทยมากกว่า 350 ท่าน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความสนใจที่สูงขึ้นในการเพิ่มโอกาสที่จะพัฒนาและสร้างอนาคตให้กับธุรกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน เราเชื่อว่างานสัมมนานี้จะมอบความรู้และประสบการณ์ รวมทั้งข้อมูลที่มีคุณค่าให้กับธุรกิจ เพื่อที่จะรับมือกับความท้าทายในอนาคตและสามารถคว้าโอกาสใหม่ ๆ ได้”
หัวข้อหลักที่วิทยากรจากเคพีเอ็มจีและผู้เชี่ยวชาญชั้นนำจากแวดวงธุรกิจได้กล่าวถึงในงานนี้ ได้แก่ แนวโน้มของอนาคตเศรษฐกิจไทย การปฏิรูปด้านบุคลากร การบูรณาการเทคโนโลยี AI เข้ากับธุรกิจ เศรษฐกิจด้านสุขภาพของไทย และการเปลี่ยนแปลงเพื่อเข้าสู่การเงินที่ยั่งยืน
ท่ามกลางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ธุรกิจกำลังเผชิญกับภูมิทัศน์ที่แปรปรวนมากกว่าเดิม ความท้าทายหลัก ๆ ที่ธุรกิจต้องเผชิญ ได้แก่ ผลกระทบจากการลดอัตราดอกเบี้ย ราคาของสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น ความผันผวนของตลาดการเงินโลก ความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่สูงขึ้น และวิกฤตอสังหาของประเทศจีน ธุรกิจจึงต้องเตรียมพร้อมที่จะปรับตัวและจัดการกับความเสี่ยงเหล่านี้เพื่อที่จะประสบความสำเร็จ
มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวอย่างช้า ๆ โดยการส่งออกและการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวขึ้น นอกจากนี้ การใช้จ่ายของภาครัฐและการลงทุนจากต่างประเทศจะช่วยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ แม้ว่าอัตราการเติบโตอาจไม่เป็นไปตามความคาดหวังของภาคธุรกิจ
ข้อกังวลที่สำคัญสำหรับภาคธุรกิจคือการบรรจบกันของการเปลี่ยนแปลงระดับโลกหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี (technology disruption) วิกฤตทางสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้น หรือ “ภาวะโลกเดือด” การมาถึงของ “ศตวรรษแห่งเอเชีย” (The Asian Century) ที่เอเชียจะมีบทบาทสำคัญ และการเปลี่ยนแปลงเชิงภูมิรัฐศาสตร์ ช่วงเวลาห้าปีข้างหน้าจะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อธุรกิจในการรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ บริษัทที่ลงทุนในกลยุทธ์ที่เตรียมพร้อมรับอนาคตมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้มากกว่า บริษัทควรจะมุ่งเน้นไปที่ตัวขับเคลื่อนสำคัญอยู่รอดและประสบความสำเร็จท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ อันได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล (digital transformation) การนำเทคโนโลยีมาใช้ การเปลี่ยนผ่านสีเขียว (green transition) การรวมกลุ่มประเทศแบบภูมิภาคนิยม (regionalization) และการพัฒนาโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่
การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและพฤติกรรมผู้บริโภคหลังยุคโควิด-19 ส่งผลให้องค์กรต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการบริหารทรัพยากรบุคคล ประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึง ได้แก่:
ข้อมูลจากรายงาน Future of Work ระบุว่า 72% ของพนักงานเห็นว่าการเรียนรู้และพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งจำเป็นในการรักษาความสามารถในการแข่งขัน องค์กรจึงควรส่งเสริมวัฒนธรรมการเรียนรู้ การให้คำปรึกษา และการสอนงาน
ปัจจุบัน AI ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างแบรนด์ บริหารจัดการลูกค้า และออกแบบประสบการณ์ การนำ AI มาใช้ให้ประสบความสำเร็จนั้นต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ดังนี้:
ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเติบโตอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจด้านสุขภาพทั่วโลก (wellness economy) ได้แก่ นวัตกรรมด้านการดูแลสุขภาพที่เกิดขึ้นในช่วงการระบาดของโควิด-19 รวมถึงการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมผู้สูงอายุ (aging society) ทั้งนี้ แม้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ แต่ก็ยังมีศักยภาพในการดึงดูดนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวมูลค่าสูง ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและความยั่งยืนเป็นหลัก
ข้อได้เปรียบทางการแข่งขันของประเทศไทยในฐานะศูนย์กลางด้านสุขภาพระดับโลก ได้แก่ ทรัพยากรธรรมชาติ อาหารเพื่อสุขภาพ การบริการที่มีชื่อเสียง การแพทย์แผนไทย วัฒนธรรมที่หลากหลายและภาคการแพทย์ที่แข็งแกร่ง ขณะที่เศรษฐกิจด้านสุขภาพทั่วโลกยังคงขยายตัว กลุ่มธุรกิจต่าง ๆ เช่น ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย ผลิตภัณฑ์ทางโภชนาการและผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก จะเป็นกลุ่มที่ขับเคลื่อนการเติบโต ประเทศไทยสามารถใช้ประโยชน์จากแนวโน้มเหล่านี้เพื่อสร้างกำไร และขณะเดียวกันก็ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้
ประเทศไทยได้ประกาศเป้าหมายที่จะบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี 2608 โดยมีเป้าหมายระยะกลางคือการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนลง 40% ภายในปี 2573 เป้าหมายเหล่านี้ส่งผลให้ธุรกิจต้องปรับตัวในหลายด้าน:
แม้ว่าการเปลี่ยนผ่านนี้จะมาพร้อมกับความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ แต่ก็ถือเป็นโอกาสสำหรับธุรกิจที่สามารถปรับตัวได้ดี การเร่งปรับเปลี่ยนไปสู่การเงินเพื่อความยั่งยืน (sustainable finance) จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกภาคส่วน
ประสบการณ์ของลูกค้าได้กลายมาเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างแรงผลักดันให้กับแบรนด์ ปฏิสัมพันธ์เชิงบวกจะช่วยดึงดูดลูกค้า ในขณะที่ประสบการณ์เชิงลบสามารถทำลายความเชื่อมั่นที่มีต่อแบรนด์ หกเสาหลักแห่งความเป็นเลิศด้านประสบการณ์ลูกค้า (Six Pillars of Customer Experience Excellence) ของเคพีเอ็มจี ได้เน้นถึงคุณลักษณะที่สำคัญ คือ การเอาใจใส่ ความต้องการเฉพาะตัว เวลาและความตั้งใจ ความคาดหวัง การแก้ไขปัญหา และความซื่อสัตย์ ซึ่งธุรกิจควรให้ความสำคัญเพื่อที่จะพัฒนาเส้นทางของผู้บริโภคและสร้างประสบการณ์เชิงบวกให้แก่ลูกค้า
ธุรกิจไทยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI มากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ลูกค้า การนำเทคโนโลยีและดาต้าเข้ามาใช้ทำให้องค์กรสามารถสร้างประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้ามากขึ้นไปอีก
KPMG Business Leaders’ Summit 2024 ได้ชี้ให้เห็นว่าแม้ธุรกิจไทยจะเผชิญกับความท้าทายหลายประการ แต่ก็มีโอกาสมากมายสำหรับผู้ที่สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การลงทุนในเทคโนโลยี การพัฒนาบุคลากร และการมุ่งเน้นความยั่งยืนจะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจไทยสู่อนาคตที่มั่นคงและเติบโต
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด