LINE และ Yahoo Japan ประกาศควบรวมบริษัทตุลาคม 2020 คาดจะทำเงินสูงกว่า Rakuten | Techsauce

LINE และ Yahoo Japan ประกาศควบรวมบริษัทตุลาคม 2020 คาดจะทำเงินสูงกว่า Rakuten

LINE และ Z Holdings บริษัท operator ของ Yahoo Japan ได้ประกาศแผนควบรวมธุรกิจ โดยจะทำการเซ็นสัญญาในเดือนธันวาคมนี้ และคาดว่าจะควบรวมแล้วเสร็จช่วงเดือนตุลาคม 2020

ขณะที่บริษัทแม่ของทั้งสองบริษัท อย่าง SoftBank และ Naver ของเกาหลีใต้ เตรียมจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งร่วมกัน ด้วยทุนคนละ 50% ทำให้ Z Holdings และ LINE จะกลายเป็นส่วนหนึ่งภายใต้บริษัท venture ใหม่นี้ 

ด้วยการควบรวมครั้งนี้ ทำให้ Yahoo Japan และ LINE กลายเป็นบริษัท internet ของญี่ปุ่นที่ใหญ่ที่สุดและจะทำรายได้ได้สูงสุดแซงหน้า Rakuten ที่เมื่อปีที่แล้วทำเงินได้ 1.1 ล้านล้านเยน ขณะที่ Z Holdings และ LINE ทำรายได้รวมกัน 1.16 ล้านล้านเยนในปี 2018

ทั้งสองตั้งเป้าขยายฐานธุรกิจในตลาดออนไลน์ ด้วยการแชร์ทรัพยากรการบริหารและเพิ่มการลงทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี AI 

"เราตั้งเป้าเป็นผู้นำด้าน AI Tech ของโลก ที่เกิดจากญี่ปุ่นและเอเชีย"

หลังจากที่ Z Holdings และ LINE เซ็นสัญญาควบรวมกิจการในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ บริษัทแม่ของทั้งสอง คือ SoftBank และ Naver จะซื้อหุ้น LINE จากผู้ถือหุ้นรายย่อยคืนทั้งหมดเป็นเงินประมาณ 340,000 ล้านเยน โดยผู้ถือหุ้นเก่าของ LINE จะได้รับประมาณ 5,200 เยนต่อหุ้น 

อ้างอิง Nikkei Asian Review

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ไม่ยอมขายแอป ก็โดนแบน สหรัฐฯ จ่อแบน TikTok หวั่นเป็นภัยความมั่นคงชาติ

สหรัฐฯ ผ่านกฎหมายแบน TikTok แล้ว บังคับบริษัทแม่ ByteDance ต้องขายแอปภายใน 1 ปี มิฉะนั้นจะถูกแบนในสหรัฐฯ ด้านซีอีโอ TikTok ประกาศกร้าว พร้อมท้าทายกฎหมาย ไม่ไปไหนทั้งนั้น...

Responsive image

KBank ผนึก J.P. Morgan เปิดโปรเจกต์ Carina ใช้บล็อกเชน ลดเวลาทำธุรกรรมจาก 72 ชั่วโมงเหลือ 5 นาที

Kbank ร่วมกับ J.P. Morgan Chase Bank เปิดตัวโปรเจคต์นวัตกรรมคารินา (Carina) ลดระยะเวลาการทำธุรกรรม จากที่ใช้เวลา 72 ชั่วโมงเหลือเพียงแค่ 5 นาที...

Responsive image

Apple Vision Pro ขายไม่ดีอย่างที่คิด Apple ลดคาดการณ์ยอดขายกว่าครึ่ง ปรับแผนใหม่

Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์สาย Apple เผยว่า Apple ได้ลดตัวเลขยอดขาย Apple Vision Pro ในปีนี้เหลือเพียง 400-450,000 เครื่องเท่านั้น ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ (มากกว่า 700–800,000 เครื่อง)...