LINE MAN แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีอันดับ 1 ของไทย เดินหน้ารับลูกนโยบายรัฐบาล 'คนละครึ่งพลัส' เปิดแคมเปญใหญ่หนุนกระตุ้นการใช้จ่ายและฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก ในบทบาทของแพลตฟอร์มที่ช่วยให้ร้านอาหารเข้าถึงเม็ดเงินจากโครงการได้อย่างต่อเนื่องจากเฟสแรก และตอกย้ำความเป็น 'เบอร์ 1 คนละครึ่ง' คว้า หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ขึ้นแท่นพรีเซนเตอร์ สร้างการรับรู้และเข้าถึงผู้บริโภคทั่วประเทศ

เพื่อประโยชน์สูงสุดของคนไทยทุกคน LINE MAN จัดเวทีสนทนาโต๊ะกลม 'ถกกระแสคนละครึ่งพลัส ความหวังร้านอาหารและปากท้องคนไทย' เพื่อสะท้อนบทบาทของแพลตฟอร์มเดลิเวอรี พร้อมหยิบยกประเด็นจริงที่สังคมกำลังเผชิญ ทั้งความกังวลด้านภาษีและความหวังของผู้ประกอบการรายย่อยที่ต้องการเติบโตมากกว่าการเพียงอยู่รอ เพื่อผลักดันให้เกิดมาตรการสนับสนุนที่ต่อเนื่องเป็นระบบ และเหมาะสมกับร้านค้าทุกขนาด โดยมี 'คนละครึ่ง' เป็นต้นแบบความร่วมมือที่พิสูจน์แล้วว่าควรได้รับการต่อยอดอย่างยั่งยืน
โดยผู้แทนจากหลายภาคส่วนที่เข้าร่วมเวทีสนทนาโต๊ะกลม มีดังนี้
คุณฐนิวรรณจากสมาคมภัตตาคารไทยอธิบายว่า บทบาทในการร่วมผลักดันร้านอาหารในโครงการ คนละครึ่ง เนื่องจากเห็นว่าเศรษฐกิจแย่มาก และร้านอาหารต้องการทางรอด โดยมีหลักฐานจากข้อมูลที่ปรึกษาร่วมกับคุณยอด LINE MAN Wongnai สนับสนุนว่า ยอดขายร้านอาหารเติบโตขึ้นได้จริงในช่วงที่มีคนละครึ่ง ความสำเร็จหลังจากผลักดันโครงการคนละครึ่งร่วมกับ LINE MAN ทางรัฐบาลชุดปัจจุบันรับหลักการ ให้มีโครงการ คนละครึ่งพลัส ซึ่งถือเป็น ของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารและ Micro SME อื่น ๆ อาทิ ร้านสปา, ร้านตัดผม, ขนส่งสาธารณะ, ชุมชน
ผลที่ได้คือ ร้านค้าขนาดเล็ก (ไซซ์ S : ยอดขาย 15,000 - 30,000 บาทต่อวัน) และร้านค้ารายย่อย (Micro SME รายได้ไม่เกิน 5,000 ต่อวัน) รวมจำนวนกว่า 600,000 ร้าน ได้เข้าร่วม ทั้งร้านอาหาร ร้านขายของ ขนส่ง ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก
"สมาคมฯ คิดว่ารัฐควรให้ Value สร้างแรงจูงใจ และควรขยายการเข้าร่วมของร้านที่มีรายได้ 1.8 ล้านขึ้นไป เพราะตอนนี้ต้นทุนร้านอาหารสูงขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นภาษีป้าย ประกันสังคมที่เจ้าของต้องทำให้ลูกจ้าง"

คุณธนันท์รัท ตัวแทนร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งในครั้งแรก บอกว่า เห็นข้อดีคือ ทำให้ธุรกิจโตขึ้น 2-3 เท่า เพราะโครงการนี้ทำให้ลูกค้า 'ตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น' ยิ่งพอมีเดลิวอรี่ ลูกค้าสั่งไปส่งได้ ไม่ต้องมาที่หน้าร้านเพียงอย่างเดียว และยังบอกอีกว่า
"จากที่เราเป็นร้านเล็ก ๆ พอเข้าโครงการรอบแรกแล้วมีคนสั่งเดลิเวอรี ทำให้เรามีตัวตนมากขึ้น ต่อสู้กับรายใหญ่ ๆ ได้เพิ่มขึ้น ในรอบนี้ เราก็คุยกันเลยว่า 1 ออร์เดอร์ ทำไม่เกิน 15 นาที เพื่อให้ไรเดอร์รับได้เร็ว ไรเดอร์ก็จะได้งานมากขึ้น เงินก็หมุนไปที่ไรเดอร์มากขึ้นด้วย"
ขณะที่คุณคุณาพงศ์ เจ้าของร้านข้าวมันไก่ที่มียอดขายบน LINE MAN กว่า 1 ล้านบาทต่อเดือน มองว่าการเสียภาษีไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน เพราะการอยู่ในระบบภาษีช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและต่อยอดสู่การขยายกิจการได้ในอนาคต พร้อมเสนอให้ภาครัฐสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการนิติบุคคลมากขึ้น เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจร้านอาหารไทยให้แข็งแกร่งในระยะยาว
"เดลิเวอรีเป็นช่องทางที่สะดวกมาก ไม่อยากให้ร้านค้าลังเลที่จะเข้าร่วม ซึ่งจากประสบการณ์การใช้ส่วนตัวมองว่า LINE MAN ตอบโจทย์ ร้านค้ามั่นใจถึงระบบการใช้งานที่เสถียร ไม่ค้าง ซึ่งจากโครงการรอบที่แล้วแอป LINE MAN ก็ไม่มีปัญหา ช่วยให้การจัดการร้านเป็นได้สะดวกรวดเร็ว จึงอยากให้ภาครัฐเปิดโอกาสให้ร้านอาหารที่มีรายได้เกินหลักล้านสามารถสมัครเข้าร่วมโครงการในรอบนี้ได้"
ฝั่งผู้ใช้บริการ คุณณัฐฐารินทร์ (เจ้เอ๋) ตัวแทนผู้บริโภคจากจังหวัดสระบุรี บอกว่า LINE MAN ช่วยสร้างรายได้ให้คนในสระบุรีอยู่แล้ว และเมื่อมีโครงการคนละครึ่งพลัสก็อยากให้ภาครัฐออกมาให้ความรู้ด้านภาษีแก่ประชาชนมากขึ้น เพราะมีร้านค้าเล็ก ๆ จำนวนมากอยากเข้าระบบ แต่คนในชุมชนพูดคุยเรื่องภาษีไปในแง่ลบ เมื่อขาดความเข้าใจจึงไม่อยากเข้าโครงการ กลัวเรื่องภาษีย้อนหลัง ซึ่งถ้าเข้าร่วมโครงการ เป็นโอกาสที่ดีที่คนจะเห็นมากขึ้น ส่วนร้านที่ไม่เข้าร่วมโครงการ ธุรกิจก็ไม่สามารถโตได้
ด้าน คุณยอด LINE MAN Wongnai บอกว่า บางร้านที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งในรอบแรก มียอดขายโตถึง 16% สำหรับคนละครึ่งรอบนี้ LINE MAN เตรียมงบไว้ 300 ล้านบาท โดยจะลด GP ให้ร้านค้า ขยายระยะทางส่งฟรีเป็น 5 กิโลเมตร มีโบนัสให้ไรเดอร์ที่วิ่งงานมากขึ้น เหนื่อยมากขึ้น สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท

"เราไม่ได้ช่วยแค่เพิ่มยอดขายเท่านั้น แต่ช่วยอัปสกิล รีสกิลด้วย เช่น การใช้งาน POS โดยเราทำงานกับกระทรวงการคลังและ depa อบรมให้ผู้ประกอบการร้านอาหารเก่งขึ้น และก็หวังว่าร้านค้าจะเลือก LINE MAN"
ส่วนเรื่องร้านที่ไม่กล้าเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเพราะกลัวภาษี กระทรวงการคลังพูดชัดเจนว่า 'ไม่มีการเก็บภาษีย้อนหลัง' และถ้าสมัครเข้ามา ทาง LINE MAN ก็จะร่วมอบรมการใช้งาน POS ให้ผู้ประกอบการร้านค้า ซึ่งทาง depa ก็มีเงินสนับสนุนการใช้ซอฟต์แวร์ให้ด้วย เพื่อติดอาวุธให้ร้านค้าใช้เทคโนโลยีดิจิทัลได้ มีรายได้เพิ่ม และทำบัญชีรับ-จ่ายได้ถูกต้อง
นอกจากนี้ คุณยอดยังตอกย้ำอีกว่า ร้านอาหารที่เกิดในยุคนี้ ทุกร้านที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มช่องทางการขาย มีข้อมูลการขาย รู้รายการใช้จ่ายของตัวเอง ก็จะสามารถเข้าถึงแหล่งทุนได้ในอนาคต
โครงการคนละครึ่งพลัส นับเป็นกุญแจสำคัญในการกระตุ้นการใช้จ่ายท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว ช่วยเพิ่มความคุ้มค่าให้ผู้บริโภคที่สั่งอาหารเดลิเวอรีผ่าน LINE MAN ได้จริง พร้อมทั้งกระจายรายได้สู่ร้านอาหารและไรเดอร์ทั่วประเทศ โดยที่ผ่านมา มีร้านอาหารเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งกับแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีเกือบ 100,000 ร้าน โดยกว่า 60–70% เลือกใช้ LINE MAN
ด้านยอดผู้ใช้งานคนละครึ่งผ่าน LINE MAN จากเฟสที่ผ่านมา มีทั้งหมดกว่า 7 ล้านสิทธิ์ ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นเบอร์ 1 คนละครึ่ง และในครั้งนี้ LINE MAN ตัดสินใจเลือก 'หนุ่ม - กรรชัย กำเนิดพลอย' มาร่วมแคมเปญ ถือเป็นการจับเทรนด์เพราะนอกจากจะเป็นคนข่าวขวัญใจคนไทย ยังถือเป็นผู้ทรงอิทธิพลที่ใช้พลังความแมสและความน่าเชื่อถือของคนข่าวระดับประเทศมาขับเคลื่อนกลยุทธ์ที่เข้าถึง 'ใจคนไทย' ได้ตรงจุด และสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคส่วนใหญ่ของประเทศ
สำหรับร้านอาหารที่สมัครเข้าร่วมโครงการ 'คนละครึ่งพลัส' ผ่าน LINE MAN ที่แอปถุงเงิน ตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายนเป็นต้นไป จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ดังนี้
"โครงการ คนละครึ่ง ช่วยสร้างการเติบโตให้ยอดขายเฉลี่ย 1-5 เท่า บางร้านเติบโตสูงสุดถึง 16 เท่า ตอกย้ำว่าโครงการนี้สร้างการเติบโตที่จับต้องได้และยั่งยืนให้กับร้านอาหารทั่วประเทศ" คุณยอดกล่าว
ฝั่งผู้ใช้สิทธิคนละครึ่ง LINE MAN เตรียมแคมเปญการตลาดและงบโปรโมชัน เพื่อมอบสิทธิพิเศษด้านส่วนลดค่าอาหาร สิทธิส่งฟรี และคูปองส่วนลดมากมายสำหรับออร์เดอร์จากโครงการคนละครึ่งบนแอป LINE MAN โดยจะสามารถใช้ได้ตั้งแต่ 6 โมงเช้าของวันที่ 7 พฤศจิกายน จนถึงวันสิ้นสุดโครงการ
ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า LINE MAN ไม่ได้ตอกย้ำเพียงสถานะ 'เบอร์ 1 คนละครึ่ง' แต่ยังเดินเกมเชิงรุกด้วยกลยุทธ์ที่เข้าใจทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ พร้อมใช้จุดแข็งในฐานะ 'แพลตฟอร์มสัญชาติไทย' ที่เข้าใจคนไทย และสามารถปรับตัวตอบรับนโยบายภาครัฐได้อย่างรวดเร็ว เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนวงการร้านอาหารและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเติบโตต่อไป
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด