LINE MAN Wongnai เปิดเผยรายงานสถานการณ์ธุรกิจร้านอาหารช่วงปลายปี 2025 ชี้สัญญาณบวกครั้งสำคัญ หลังตลาดซบเซาหนักในช่วงครึ่งปีแรก โดยพระเอกของการฟื้นตัวครั้งนี้หนีไม่พ้นโครงการภาครัฐอย่าง ‘คนละครึ่ง พลัส’ ที่เข้ามาอัดฉีดเม็ดเงินตรงจุด ปลุกยอดขายร้านรายย่อยและเศรษฐกิจเมืองรองให้กลับมาคึกคักเป็นประวัติการณ์

คุณยอด ชินสุภัคกุล ซีอีโอ LINE MAN Wongnai ฉายภาพรวมว่า ปี 2025 เป็นปีที่ท้าทายที่สุดปีหนึ่ง โดยช่วงครึ่งแรกของปีถือเป็นจุดต่ำสุดของธุรกิจร้านอาหาร โดยยอดขายต่อร้านหดตัวหนักถึง -14% ในไตรมาสที่ 2
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เริ่มพลิกกลับมาเป็นบวกในไตรมาส 3 (+1%) และดีดตัวขึ้นชัดเจนในไตรมาส 4 (ต.ค.-พ.ย.) ที่ +5% สะท้อนให้เห็นว่ากำลังซื้อเริ่มกลับมาในวงกว้าง โดยมีโครงการรัฐเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา
แม้ว่าจำนวนร้านอาหารเปิดใหม่จะเพิ่มขึ้น 3% แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ อัตราการปิดกิจการยังคงสูงถึง 50% ซึ่งเท่ากับช่วงวิกฤตครึ่งปีแรก บ่งบอกว่าร้านอาหารยังแข่งขันหนัก และได้รับผลกระทบจากต้นทุนที่สูง

ข้อมูลจาก LINE MAN เปิดเผยว่าโครงการนี้ไม่ได้แค่กระตุ้นเศรษฐกิจ แต่คือการชุบชีวิตร้านรายย่อย ทำให้เงินสะพัดไปทุกกลุ่มตั้งแต่ร้านเล็กถึงไรเดอร์ โดยมีตัวเลขที่น่าสนใจดังนี้
ที่น่าสนใจคือ เมนูยอดฮิตไม่ได้มีแค่ ชาไทย หรือ ส้มตำ แต่ผู้บริโภคใช้โอกาสนี้ซื้อของแพงในราคาที่จับต้องได้ ทำให้เมนูอย่าง แซลมอน, ทุเรียนแกะเนื้อ, และ กุ้งเผา มียอดบิลพุ่งสูงสุดแตะ 1,700 บาท

ในด้านพฤติกรรมการสั่งอาหาร ปี 2025 เห็นเทรนด์ชัดเจนว่า ‘มัทฉะ’ กลายเป็นเมนูมาแรงที่สะท้อนไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ แม้จะยังเป็นเมนูที่เข้าถึงยากเพราะราคาสูงและต้องใช้วัตถุดิบนำเข้า ในขณะเดียวกัน เมนูตัวแทนอย่าง ‘ชาเขียวนม’ ซึ่งถือเป็นตัวเลือกที่ถึงง่ายกว่า ทำให้ครองอันดับหนึ่งของเครื่องดื่มยอดสั่งสูงสุดทั่วประเทศ
ในส่วนของเมนูอาหาร เมนูรสจัดยังคงเป็นรสนิยมหลักของผู้บริโภคไทย โดยเฉพาะ ส้มตำปูปลาร้า ยำ และหม่าล่า ที่ติดอันดับยอดสั่งอันดับต้นๆ สะท้อนว่าคนไทยยังคง ‘ติดแซ่บ’ และเป็นแรงหนุนให้ร้านอาหารท้องถิ่นและสตรีทฟู้ดเติบโตต่อเนื่องตลอดปี
LINE MAN Wongnai เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดร้านอาหารในต่างจังหวัดฟื้นตัวแรงกว่ากรุงเทพฯ โดยยอดขายต่อร้านโตเฉลี่ย +7% ขณะที่กรุงเทพฯ โตเพียง 2% ด้านเมืองท่องเที่ยวหลักอย่างเชียงใหม่, พัทยา และภูเก็ต เริ่ฟมื้นตามการกลับมาของนักท่องเที่ยว

อย่างไรก็ดี กรุงเทพฯ ยังเป็นพื้นที่ที่ฟื้นตัวช้าที่สุด โดยโซนยอดฮิตหลายย่านยังมียอดขายติดลบ ได้แก่
ย่านธุรกิจสุขุมวิท-สีลม-สาทร มียอดขายต่อร้าน -19% ในไตรมาสที่ 2
ย่านบรรทัดทอง ชะลอตัวหนักที่สุด ติดลบ -35% ในไตรมาสที่ 2 และยังติดลบ -21% ในช่วงปลายปี หมายความว่าร้านอาหารในย่านยอดนิยมของเมืองหลวงยังต้องเผชิญการแข่งขัน และต้นทุนที่สูงอย่างต่อเนื่อง
ร้านในห้าง เริ่มมีสัญญาณบวก แม้ยอดขายในช่วงไตรมาสที่ 2 ลดลง -21% แต่ดีดตัวกลับมา +1% ในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน นับเป็นกลุ่มเดียวในกรุงเทพฯ ที่พลิกกลับมาบวกได้ในช่วงปลายปี
จากปี 2025 ที่ผ่านมาชี้ว่าคนไทยให้ความสำคัญกับ ‘ความคุ้มค่า’ โดยผู้บริโภคชาวไทยเข้าสู่โหมด ‘Smart Spender’ อย่างเต็มตัว เน้นกินใช้อย่างระมัดระวัง
แม้ภาพรวมปลายปี 2025 จะดูสดใสจากแรงกระตุ้นระยะสั้น แต่ปี 2026 จะเป็น ‘บทพิสูจน์ของจริง’ ที่ต้องดูกันต่อไปว่าเมื่อยาโด๊ปจากรัฐหมดฤทธิ์ ร้านอาหารไทยจะยืนด้วยขาตัวเองและรักษาโมเมนตัมนี้ไว้ได้หรือไม่ ท่ามกลางพฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไปเน้นความ ‘คุ้มค่า’ เป็นตัวตั้ง
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด