ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา LINE บริษัทเจ้าแอป Messaging จากญี่ปุ่นชื่อดังเริ่มขยับตัวเรื่อง Blockchain และ Cryptocurrency มากขึ้น โดยช่วงปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ได้เปิดตัวตลาดซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency Exchange) ที่ชื่อว่า ‘BITBOX’ ซึ่งใช้ได้ทั่วโลกยกเว้นญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ต่อมาในช่วงกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาก็เปิดตัว ‘Unblock Ventures’ CVC ที่ลงทุนในสตาร์ทอัพสาย Blockchain ด้วย Token
ล่าสุด LINE Corportation จากประเทศญี่ปุ่น (ต้นสังกัดของ LINE ประเทศไทย) ออกแถลงการณ์เปิดตัวสกุลเงินดิจิทัลหรือ Cryptocurrency ของตนเองครั้งแรกในชื่อ ‘LINK’ ซึ่งทำงานอยู่บนเครือข่าย Blockchain ในชื่อ ‘LINK Chain’
ในแถลงการณ์ระบุว่าสกุลเงินดิจิทัล LINK แต่จากหลายๆ รายที่ใช้ในการทำ ICO แต่ LINK จะถูกนำมาใช้เป็น "รางวัลตอบแทน" เมื่อผู้ใช้งานใช้บริการผ่าน Decentralized App (dApp) ซึ่ง LINK ก็จะถูกเก็บไว้ในระบบสะสมคะแนน (Reward System) ของแต่ละคน
เมื่อผู้ใช้ได้สกุลเงิน LINK มาก็สามารถนำใช้งานใน LINE Ecosystem ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ชำระเงินเพื่อซื้อเพลง-วีดีโอ-การ์ตูนใน LINE, ชำระเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการต่างๆ รวมถึงรับส่วนลดต่างๆ, รับ-โอน เงินหาระหว่างกันได้, ซื้อ-ขาย-แลกเปลี่ยน สินค้าหรือตัวละครในเกม
นอกจากนี้สกุลเงินดิจิทัลอย่าง LINK จะถูกเพิ่มในตลาดซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลอย่าง BITBOX ภายในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งสามารถแลกเปลี่ยนเป็นสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ได้อีกด้วย โดยสกุลเงินหลักอย่าง LINK จะมีสกุลเงินย่อยเป็น Cony โดย 1,000,000 Cony จะเท่ากับ 1 LINK
อ้างอิงข้อมูลจาก LINE Corporation
นี่เป็นสัญญาณสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านไอทีหลายรายเริ่มให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรียกว่า Blockchain ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเครือข่ายแบบใหม่ที่ทำให้การส่งข้อมูลและสกุลเงินดิจิทัล เกิดความปลอดภัย น่าเชื่อถือ โดยไม่ต้องอาศัยคนกลาง โดยบางบริษัทอาจใช้แค่ส่งข้อมูล บางบริษัทอาจใช้ถึงขั้นนำมาทำธุรกรรมทางการเงิน แต่ถึงอย่างไรการเปิดตัว LINK ของ LINE ก็ทำให้เราเห็นว่า "เราจะหลีกหนีหรือไม่ให้ความสนใจ Blockchain และ Cryptocurrency ไม่ได้อีกต่อไป"
นอกจากนี้การเปิดตัว LINK ของ LINE ยังทำให้เห็นว่าสกุลเงินดิจิทัลไม่ได้ใช้สำหรับการเทรดหรือเก็งกำไรเพียงอย่างเดียว แต่จะทำให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันมากขึ้น เพราะ LINK จะถูกนำมาใช้ใน Ecosystem ของ LINE ซึ่งในญี่ปุ่นก็มีผู้ใช้แอป LINE เป็นจำนวนมาก รวมถึงถ้าเรื่อง LINK ขยายมายังบริการในประเทศไทย (ซึ่งมีผู้ใช้แอป LINE เป็นจำนวนมากเช่นกัน) ก็อาจจะเห็นการใช้ Cryptocurrency เพื่อใช้จ่ายหรือแลกเปลี่ยนได้อย่างจริงจังในอนาคตก็เป็นไปได้อีกเช่นกัน
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด