
Meta บริษัทแม่ของ Facebook และ Instagram กำลังเคลื่อนไหวครั้งสำคัญในสมรภูมิ AI อีกครั้ง โดยมีรายงานว่าบริษัทกำลังจัดตั้งห้องปฏิบัติการวิจัย AI แห่งใหม่ ที่มีเป้าหมายสูงสุดคือการสร้าง "Artificial Superintelligence" (ASI) หรือปัญญาประดิษฐ์ที่ทรงปัญญายิ่งกว่ามนุษย์ในทุกด้าน การเดิมพันครั้งใหญ่นี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Meta ที่จะกลับมาทวงตำแหน่งผู้นำในการแข่งขันด้าน AI ที่กำลังดุเดือด
Mark Zuckerberg คุมทีมเอง: เมื่อความช้าไม่ใช่คำตอบ
ความเคลื่อนไหวครั้ง Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ได้ลงมาควบคุมโครงการนี้ด้วยตนเอง ซึ่งถือเป็นการปรับโครงสร้างการพัฒนา AI ครั้งใหญ่ของบริษัท แหล่งข่าวระบุว่า Mark Zuckerberg รู้สึกไม่พอใจกับความคืบหน้าที่ตามหลังคู่แข่งอย่าง Google และ OpenAI เขาจึงตัดสินใจรวบรวมทีมหัวกระทิด้วยตัวเอง โดยมีการจัดประชุมส่วนตัวที่บ้านพักของเขาใน Lake Tahoe และ Palo Alto เพื่อวางกลยุทธ์ในการพัฒนา Artificial General Intelligence (AGI) ซึ่งเป็นบันไดขั้นแรกก่อนจะไปสู่เป้าหมายที่ใหญ่กว่าอย่าง Artificial Superintelligence (ASI) เพื่อดึงดูดบุคลากรระดับมันสมอง Meta ได้เสนอค่าตอบแทนที่สูงลิ่วในระดับ 7 ถึง 9 หลัก ทำให้สามารถดึงตัวนักวิจัยชั้นนำจากทั้ง OpenAI, Google LLC และบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ มาร่วมทีมได้สำเร็จ
ดีลยักษ์กับ Scale AI
หนึ่งในจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของโครงการนี้คือการดึงตัว Alexandr Wang ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Scale AI Inc. เข้ามาร่วมทีม โดยมีรายงานว่านี่เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่ Meta จะเข้าลงทุนมูลค่ามหาศาลเพื่อถือหุ้นใน Scale AI
- ตัวเลขการลงทุน: รายงานระบุว่า Meta จะลงทุน 1.48 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อถือหุ้น 49% ใน Scale AI ขณะที่อีกรายงานระบุตัวเลขที่ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์
- บทบาทของ Scale AI: บริษัทนี้มีความเชี่ยวชาญด้านการติดป้ายข้อมูล (Data Annotation) และการฝึกฝน AI ซึ่งเป็นกระบวนการที่สำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาโมเดล AI ขนาดใหญ่ให้มีคุณภาพสูง การผนึกกำลังครั้งนี้จะช่วยให้ Meta มีขีดความสามารถในการประมวลผลและฝึกฝน AI ด้วยข้อมูลคุณภาพสูงได้อย่างก้าวกระโดด
รู้จัก Artificial Superintelligence (ASI): เมื่อ AI ฉลาดกว่ามนุษย์
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น สิ่งสำคัญคือต้องแยกความแตกต่างระหว่าง AGI และ ASI:
- Artificial General Intelligence (AGI): คือ AI ที่มีความสามารถทางปัญญาเทียบเท่ามนุษย์ สามารถเรียนรู้และทำงานที่หลากหลายได้เหมือนคน
- Artificial Superintelligence (ASI): คือ AI ที่มีความสามารถทางปัญญาสูงกว่ามนุษย์ที่ฉลาดที่สุดในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหา หรือความฉลาดทางสังคม ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนเชื่อว่า Artificial Superintelligence อาจเกิดขึ้นได้ในเวลาไม่นานหลังจากที่โลกบรรลุ Artificial General Intelligence ได้สำเร็จ
ศักยภาพมหาศาล vs. ความเสี่ยงที่ต้องจับตา
การมุ่งสู่ Artificial Superintelligence เปรียบเสมือนดาบสองคมที่มาพร้อมทั้งโอกาสและความท้าทายครั้งใหญ่ การกำกับดูแลที่รัดกุมและความร่วมมือระดับนานาชาติจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อรับมือกับความท้าทายเหล่านี้อย่างมีความรับผิดชอบ
ประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น:
- การแก้ปัญหาแสนซับซ้อน: สามารถแก้ไขปัญหาที่เกินสติปัญญาของมนุษย์ เช่น การสร้างแบบจำลองสภาพภูมิอากาศที่แม่นยำเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน
- ปฏิวัติวงการแพทย์: สามารถเร่งการค้นคว้าวิจัยทางการแพทย์และการค้นพบยารักษาโรคใหม่ๆ
- การค้นพบทางวิทยาศาสตร์: ปลดล็อกความเข้าใจใหม่ๆ ในจักรวาลและศาสตร์ต่างๆ
ความเสี่ยงที่ต้องจัดการ:
- ปัญหาการควบคุมและเป้าหมาย (Alignment): ความกังวลที่ใหญ่ที่สุดคือ เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า Artificial Superintelligence จะมีเป้าหมายและดำเนินการสอดคล้องกับค่านิยมและจริยธรรมของมนุษย์ หากเป้าหมายผิดเพี้ยนไป อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่เป็นอันตรายต่อมวลมนุษยชาติ
- ความรับผิดชอบ (Accountability): ใครคือผู้รับผิดชอบต่อการตัดสินใจของระบบอัตโนมัติที่ทรงพลังเหล่านี้
- อคติทางสังคม (Social Bias): ความเสี่ยงที่ AI จะขยายอคติที่มีอยู่แล้วในสังคมให้รุนแรงขึ้น
- ความเสี่ยงต่อการดำรงอยู่ (Existential Risk): หาก Artificial Superintelligence มีเป้าหมายที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ อาจกลายเป็นภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์
- ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม: การทำงานอัตโนมัติขั้นสูงอาจทำให้เกิดการเลิกจ้างงานเป็นวงกว้าง
- การควบคุมระบบที่พัฒนาตัวเองได้: ความท้าทายในการควบคุมระบบ Artificial Artificial Superintelligence ที่สามารถเรียนรู้และพัฒนาตัวเองได้อย่างรวดเร็วจนเกินกว่ามนุษย์จะตามทัน
การจัดตั้งห้องปฏิบัติการแห่งใหม่นี้ถือเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญของ Meta ที่อาจส่งผลให้บริษัทกลับมาผงาดในฐานะผู้นำด้าน AI ได้อีกครั้ง หรือในทางกลับกัน มันอาจเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงข้อจำกัดของความทะเยอทะยานในสาขาที่เต็มไปด้วยอุปสรรคทั้งทางเทคนิคและจริยธรรมที่รออยู่ข้างหน้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ทั้งวงการเทคโนโลยีต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด
อ้างอิงจาก: www.nytimes.com