คุณวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยว่า ขอยืนยันว่าระบบการเงินไทย มีเสถียรภาพดี และมีสภาพคล่องสูง ธนาคารพานิชย์ไทยมีกองทุนมั่นคง ไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นวิกฤติการณ์ที่ซ้ำรอยต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540
โดยก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งประเทสไทยได้มีการซื้อพันธบัตรกว่า 1 แสนล้านบาท เพื่อเป็นการเติมสภาพคล่องให้กับระบบการเงิน พร้อมกันนี้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (20 มีนาคม 2563) ได้มีการลดดอกเบี้ยนโยบายเหลือ 0.75% ซึ่งถือเป็นระดับที่ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย
“เราขอยืนยันว่าเรามีความพร้อมที่จะดูแลพันธบัตรัฐบาล เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง ถ้าธนาคารพาณิชยืต้องการสภาพคล่องก็มาขายพันธบัตรให้กับธปท.ได้ เราพร้อมอัดฉีดสภาพคล่อง” คุณวิรไท กล่าว
จาการที่ตลาดมีความผันผวนค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะตลาดตราสารหนี้ภาคเอกชน และกองทุนรวมตราสารหนี้ โดยผู้ถือหน่วยลงทุนมีการถอนออกจากการลงทุน ทำให้มีการเร่งขายสินทรัพย์ดังกล่าว เพราะมีคนเร่งไถ่ถอนหน่วยลงทุนค่อนข้างมาก ส่งผลกระทบต่อหน่วยลงทุนให้ปรับลดลง จึงได้ออกมาตรการ 3 ด้านเพื่อลดความกังวลของนักลงทุนตรงนี้ ดังนี้
คุณกอบศักดิ์ ภูตระกูล รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า ทางภาครัฐบาลพร้อมที่จะสบับสนุนมาตรการของภาคกรเงินทุกฝ่ายที่ได้เสนอมา และสำหรับภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบกระทรวงการคลังเตรียมเสนอมาตรการเยียวยาชุดที่สอง เพื่อดูแลภาคประชาชนโดยเฉพาะ เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และหารือกับกระทรวงต่างๆอย่างใกล้ชิด ในวันอังคารนี้
คุณรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ในภาคของบริษัทจดทะเบียนที่จะต้องมีการจัดประชุมผู้ถือหุ้น ถ้าหากไม่สามารถจัดประชุมได้ทันตามกำหรด สามารถทำหนังสือผ่อนผันได้ หรือถ้าหากมีความจำเป็นที่จะต้องจัดการประชุมประจำปี สามารถกระทำได้ 2 รูปแบบ ได้แก่ การมอบอำนาจให้กรรมการอิสระ และจัดประชุมทางไกล ซึ่งทางกระทรวงดิจิทัลฯ ได้มีการออกเกณฑ์มาแล้ว ส่วนการจัดทำงบการเงินนั้น ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะการตั้งด้อยค่าต่างๆที่เกิดขึ้น ดังนั้นจึงขอให้ทางสภาวิชาชีพบัญชีผ่อนผัยมาตรฐานบัญชีให้กับบริษัทจดทะเบียนได้
ขณะที่ด้านความต่อเนื่องของการดำเนินธุรกิจ หลาย ๆ บริษัทก็สามารถ Work From Home ได้
นอกจากนี้ทางด้านของการตั้งกองทุนรวมตราสารหนี้ หรือที่เรียกว่า Daily Fixed Income มูลค่ารวมทั้งหมดกว่า 1.6 ล้านล้านบาท ก.ล.ต.ขอยืนยันว่าเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพจริง ๆ ที่ลงทุนในตราสารหนี้คุณภาพดี โดยแบ่งเป็น การลงทุนพันธบัตรรัฐบาล หรือ Goverment Bond 60% และการลงทุนในหุ้นกู้เกรดเอ 40 %
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด