ในยุคที่ชีวิตอยู่ในโลกดิจิทัล การจะฟังเพลงสักเพลงก็แสนง่าย เพียงแค่เราเปิดแอปสตรีมมิ่งขึ้นมา แต่ใครจะรู้ว่าศิลปินที่อยู่เบื้องหลังเพลงโปรดของเราอาจได้ค่าตอบแทนน้อยนิด
ปัจจุบันบริการสตรีมมิ่งเพลงไม่ได้จ่ายค่าลิขสิทธิ์เพลงให้ศิลปินโดยตรง แต่จะจ่ายให้กับค่ายเพลงตามสังกัดของศิลปิน ส่งผลให้ศิลปินส่วนใหญ่ได้รับค่าตอบแทนที่ไม่เป็นธรรม
ค่าลิขสิทธิ์ของบริการสตรีมมิ่งจะขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งที่เพลงถูกเล่นบนแพลตฟอร์ม ศิลปินที่มียอดเข้าฟังเพลงเยอะก็จะมีรายรับจากการสตรีมในสัดส่วนที่มากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม เงินนั้นไม่ได้ไปถึงมือศิลปินหรือนักแต่งเพลงโดยตรง
มีรายงานว่าค่ายเพลงส่วนใหญ่จะแบ่งค่าลิขสิทธิ์ให้ศิลปินเพียงประมาณ 18-30% จากบริการสตรีมมิ่งเท่านั้น แม้หลายบริษัทสตรีมมิ่งได้เพิ่มการจ่ายค่าลิขสิทธิ์บ้างแล้ว แต่ศิลปินหรือนักแต่งเพลงยังคงได้รับค่าตอบแทนที่ไม่เป็นธรรมอยู่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักดนตรีเซสชั่นที่ได้รับค่าตอบแทนจากการร่วมงานในแต่ละเพลงเพียงแค่ 1-2% เท่านั้น
สำหรับนักดนตรีอิสระที่ไม่มีสังกัดและปล่อยเพลงลงบนสตรีมมิ่งเองจะได้รับค่าลิขสิทธิ์เพลงจากบริการสตรีมมิ่งโดยตรง
ในปี 2020 Nile Rodgers นักกีตาร์ โปรดิวเซอร์ และนักแต่งเพลง ก็เคยออกมาบอกไว้ว่าค่ายเพลงเก็บค่าลิขสิทธิ์ที่พวกเขาควรจะได้รับจากบริการสตรีมมิ่งไว้ถึง 82%
สตรีมมิ่งแอปอย่าง Spotify ที่มีชื่อเสียงในด้าน PPS (pay-per-stream) ต่ำที่สุดในบรรดาบริการสตรีมมิ่งอื่นๆ โดยเฉลี่ยแล้วเพลงของศิลปินบน Spotify จะได้เงินประมาณ 0.003$ ต่อการสตรีมหนึ่งครั้ง ซึ่งต้องมีการตรีมเพลงประมาณ 334 ครั้งถึงจะได้ 1$
ในขณะที่ Apple music จ่ายให้ศิลปินประมาณ 0.01$ ต่อการสตรีมหนึ่งครั้ง ซึ่งเมื่อเทียบกับ Spotify แล้วศิลปินจะได้รับรายได้ที่มากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม Apple Music ยังมียอดผู้ใช้บริการน้อยกว่า Spotify อยู่มาก
ส่วน YouTube Music จ่ายเงินให้ศิลปินประมาณ 0.008$ ต่อการสตรีมหนึ่งครั้ง และจากความนิยมที่กำลังเพิ่มขึ้นของแพลตฟอร์มรวมกับรายได้จากโฆษณาก็ทำให้มีรายได้สูงขึ้นอีกเล็กน้อย
ซึ่งมีความกังวลว่าศิลปินและนักแต่งเพลงได้รับส่วนแบ่งน้อยกว่าต้นสังกัดมาก เมื่อเล่นเพลงบนบริการสตรีมมิ่ง เช่น Spotify โดยมีรายงานเพิ่มเติมว่านักดนตรีอิสระนั้นไม่ได้รับค่าตอบแทนจากการสตรีมเลย
ทำให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการในอุตสาหกรรมเพื่อพิจารณาถึงปัญหาเหล่านี้ ซึ่งรัฐบาลเองก็ได้ตรวจสอบการสตรีมเพลงมาตั้งแต่ปี 2019 และพบว่าในปี 2021 มีความไม่เป็นธรรมเรื่องค่าลิขสิทธิ์จริง
Dame Caroline Dinenage ประธานคณะกรรมการ Digital, Culture, Media and Sport (DCMS) กล่าวว่าเป็น "เป็นเรื่องที่ดีในการแก้ปัญหาความผิดหวังของนักดนตรีและนักแต่งเพลงที่ได้รับค่าจ้างต่ำกว่าที่ควรจะเป็น แต่ควรทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมและไม่ใช่แค่ประชุมพูดคุยเพียงเท่านั้น"
ในขณะเดียวกันฟากของค่ายเพลง Sophie Jones ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ British Phonographic Industry กังวลว่าอาจเกิดการกีดกันการลงทุนขึ้นมาได้เนื่องจากมีการแข่งขันจาก AI ที่เพิ่มมากขึ้นด้วย โดยกล่าวกับสื่อมวลชนว่ามีงานวิจัยจำนวนมากที่แสดงให้เห็นว่าการสตรีมมีประโยชน์ทั้งต่อผู้บริโภคและศิลปิน โดยที่ค่ายเพลงได้จ่ายเงินให้กับศิลปินมากกว่าที่เคยเป็นมา
Will Page อดีตหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Spotify กล่าวถึงการที่อุตสาหกรรมเพลงกำลังถกเถียงกันถึงวิธีการจัดสรรเงินว่า สำหรับศิลปิน ถ้าได้รับ 1% ของการสตรีมทั้งหมดในสหราชอาณาจักร ก็จะได้รับเงินเพียง 1% ในสหราชอาณาจักร เพราะว่าศิลปินไม่ได้รับค่าตอบแทนทุกครั้งที่มีการเล่นเพลงบน Spotify
ตามเว็บไซต์ของ Spotify ระบุถึงรูปแบบการจ่ายเงินลิขสิทธิ์ว่า :การจ่ายค่าลิขสิทธิ์ที่ศิลปินได้รับอาจแตกต่างกันไปตามความแตกต่างในการสตรีมเพลงของพวกเขาหรือข้อตกลงที่พวกเขามีกับค่ายเพลงหรือผู้จัดจำหน่าย
Page เลยเสนออีกวิธีคือ ทำให้มีการชำระเงินโดยมีผู้ใช้เป็นตัวกลางอาจจะยุติธรรมสำหรับศิลปินมากกว่า โดยจ่ายค่าสมาชิกสำหรับเพลงที่ต้องการจะฟังเท่านั้น เรียกว่า 'My money, my music' ซึ่งจะทำให้ค่าสมัครถูกแบ่งไปยังศิลปินโดยตรง
แต่เขายังมีความกังวลว่าคณะกรรมการนี้จะสร้างความแตกต่างได้หรือไม่ เพราะเคยสอบถามคณะกรรมการ DCMS ยาวนานกว่าสามปี มีการพิจารณาพูดคุย ตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรหลายต่อหลายครั้ง แต่ปัจจุบันก็ยังไม่ได้รับความคืบหน้า
อ้างอิง: bbc , producerhive , mashablesea , lalalai
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด