เนชั่นกรุ๊ป ผนึกธุรกิจสื่อในเครือ ขายหุ้นใหญ่สัดส่วน 61% ใน Nation Broadcasting Corporation หรือ NBC ให้แก่ นายบุญเอื้อ จิตรถนอม และ นายณัฐพงศ์ ศีตวรรัตน์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ OTO ในราคา 1.30 บาทต่อหุ้น จำนวน 691 ล้านหุ้น กวาดเงินกว่า 800 ล้านบาท หวังเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ ONE NATION พร้อมยกระดับองค์กรกลุ่มบริษัทสู่ Digital Asset

คุณฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหาร  บริษัท เนชั่น  มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ NMG เปิดเผยว่า เนชั่น กรุ๊ป เดินหน้าเข้าสู่ปีที่ 51 ซึ่งการปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่นำบริษัทย่อยในเครือทั้งหมดถือหุ้นโดยตรงผ่านบริษัทแม่ 100 % ภายใต้นโยบายบริหารเดียวกัน คือ ONE NATION ที่จะส่งผลทำให้การบริหารมีความแข็งแกร่ง และสามารถลดต้นทุนด้านธุรกิจที่ซ้ำซ้อนได้ทันทีปีละ  100 ล้านบาท 

พร้อมกับฟื้นสำนักข่าวเนชั่น Nation News Agency (NNA) หน่วยงานกลางที่ผลิตคอนเทนต์เสริมให้แต่ละแบรนด์ ในการผลิตเนื้อหาคอนเทนต์คุณภาพสู่ประชาชน ไม่ว่าจะเป็น Nation TV, Nation Online, กรุงเทพธุรกิจ, คมชัดลึก, สปริงนิวส์ ,ไทยนิวส์ ,The Nation,โอเคเนชั่น, ขอบสนาม และ The People

ทั้งนี้ หลังการขาย บริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ NBC ออกไป จากนั้นบริษัทเข้าไปซื้อธุรกิจสื่อทีวีดิจิทัลในบริษัทดังกล่าวคืน คือ ช่องเนชั่น 22 มูลค่า 461 ล้านบาท  ซึ่งหลังจากดำเนินการดังกล่าวแล้วทำให้ทุกสื่อในกลุ่มเนชั่น มีความชัดเจนในการเป็น Content Provide ที่ครบทุกสื่อและอยู่ในทุกแพลตฟอร์ม 

จากนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงชื่อบริษัทและโลโก้ เป็น บริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ภายใต้ชื่อย่อ NATION  ซึ่งมีหน่วยธุรกิจอยู่ภายใต้ร่มเดียวกันทั้งหมด ปัจจุบันมีทั้งหมด 5 แพลตฟอร์ม ได้แก่ โทรทัศน์, สิ่งพิมพ์, สื่อนอกบ้าน, งานอีเวนต์ On Ground และ ออนไลน์

คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จหลังจากขออนุมัติจากผู้ถือหุ้นในช่วงเดือน เมษายนนี้ ซึ่งในปีนี้ถือว่าเป็นการจัดการโครงสร้างและหลังบ้านให้มีความแข็งแกร่งในแต่ละสื่อ เพื่อเตรียมพร้อมเติบโตทั้งออนไลน์และดิจิทัลในปี 2566

ขณะเดียวกัน บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ก็ได้มีการแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันนี้ ถึงการดำเนินการซื้อหุ้นสามัญ บริษัท เอ็นบีซี เน็กซ์ วิชั่น จำกัด ทั้งหมดในอัตราส่วนร้อยละ 99.99 จากบริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยเป็นการซื้อกลุ่มธุรกิจเนชั่นทีวีและคมชัดลึก เพื่อดำเนินการตามกลยุทธ์ One Nation สร้างความแข็งแกร่งร่วมกันของกลุ่มเนชั่น

โดยนอกเหนือจากนั้นยังเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) และใช้ชื่อย่อว่า NATION สำหรับก่อนหน้านี้นั้นวันที่ 11 สิงหาคม 2564 คณะกรรมการของบริษัทย่อยทางอ้อม (บริษัท เนชั่น นิวส์ จำกัด) มีมติอนุมัติการซื้อธุรกิจการให้บริการโฆษณาและการนำเสนอข่าวสารและเนื้อหาดิจิทัล ภายใต้ชื่อ “The People” และทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องมูลค่ารวมจำนวน 30.00 ล้านบาท จากบริษัทแห่งหนึ่ง

ในเดือนตุลาคม 2564 บริษัทย่อยทางอ้อมได้จ่ายชำระเงินค่าซื้อธุรกิจจำนวน 20.00 ล้านบาท ทั้งนี้ สำหรับค่าซื้อธุรกิจส่วนที่เหลือ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 จำนวน 10.00 ล้านบาท บริษัทย่อยทางอ้อมจะจ่ายชำระโดยการให้บริการสื่อโฆษณาของกลุ่มบริษัท โดยมีกำหนดระยะเวลาใช้บริการสื่อโฆษณาดังกล่าวตั้งแต่วันที่ทำการซื้อขายเสร็จสมบูรณ์จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565

ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2564 ธุรกิจ The People มีรายได้จำนวน 2.00 ล้านบาท และมีขาดทุนจำนวน 1.90 ล้านบาท ซึ่งรวมเป็นส่วนหนึ่งของผลการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท

ทั้งนี้คุณฉาย ระบุว่า ในปี 2565 เป็นอีกปีที่อุตสาหกรรมสื่อ เผชิญความท้าทายอีก ด้วยเหตุผล เทคโนโลยีสื่อสารที่เปลี่ยนแปลงอย่างมาก และพฤติกรรมผู้บริโภค ในการเสพสื่อ เปลี่ยนแปลงไปด้วย จึงจำเป็นที่ต้องปรับโครงสร้างองค์กรสู่อนาคต ภายใต้โปรเจกต์ “One Nation” การผสมผสานจุดแข็งของสื่อในเครือ และฟื้น ”สำนักข่าวเนชั่น” (Nation News Agency : NNA) เพื่อสร้างความแตกต่างของเนื้อหา คุณภาพข่าวที่เป็นประโยชน์กับสาธารณะชน NNA จะเป็นฐานข้อมูลให้กับสื่อในเครือ ส่งต่อให้ผู้ชม ผู้อ่าน ได้รับคุณค่าของข่าวสารอย่างแท้จริง 

“เรายึดหลักการเดิมเสมอมาคือ Content is a King while Context is Queen มุ่งผลิตเนื้อหาข่าวที่ดี ที่ใช่ ที่มีคุณภาพ บนบริบทที่เหมาะสม ขณะเดียวกันยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์ในการทำหน้าที่ ตามจริยธรรมวิชาชีพสื่อ ตรวจสอบทุจริต ดูแลผลประโยชน์ เพื่อประเทศชาติและประชาชน ตอกย้ำความเป็นสื่อที่รับผิดชอบต่อสังคม” 

ขณะเดียวกัน โครงการ “One Nation” กำลังมีแผนศึกษาความเป็นไปได้ในการนำ Assets ของบริษัทที่อยู่ในรูปแบบ ทรัพย์สินทางปัญญา เช่น ภาพถ่ายในอดีตและ exclusive content รวมถึงสารคดีต่างๆ ในรูปแบบ Digital มาทำการศึกษาเพื่อหาโมเดลธุรกิจใหม่ เพื่อพัฒนา Platform และสร้าง Ecosystem ที่สามารถใช้ Assets เหล่านี้มาหารายได้และสร้างโอกาสทางการตลาดเพื่อให้เกิดผลประโยชน์กับ party ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ลูกค้า สปอนเซอร์ ผู้อ่าน และ ผู้ชมคอนเทนต์ของสื่อในเครือ

อ้างอิง modernist , กรุงเทพธุรกิจ