William Quigley, Co-Founder ของ Tether และ Worldwide Asset eXchange หรือ WAX ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อ Metaverse ว่า สิ่งนี้จะเป็นแรงผลักดันด้านเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ที่จะเข้ามาเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตของคนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
Metaverse ในมุมมองของ Quigley คือ โลกเสมือนจริง (Virtual World) บนอินเทอร์เน็ต ที่ผู้คนสามารถสร้าง Avatar เป็นตัวตนใหม่ และมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งต่าง ๆ ทั้งที่เป็น Digital Asset หรือแม้แต่สิ่งของที่เป็นรูปธรรม ผ่านเทคโนโลยี AR และ Metaverse กำลังถูกพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากเทคโนโลยีบล็อกเชนที่เติบโตขึ้น
และจากบทสัมภาษณ์ของ William Quigley กับ Bloomberg ได้พูดคุยถึงประเด็นของ NFT, Metaverse และประเด็นอื่น ๆ ในวงการ Cryptocurrency ไว้ดังนี้
ในตอนนี้ทั้งตลาดกำลังขับเคลื่อนตามมูลค่าของ Ethereum ซึ่งเมื่อมีนาคม ปี 2020 มูลค่ายังอยู่ที่ประมาณ 100 ดอลลาร์สรัฐ แต่ ณ ตอนนี้มูลค่ามันเพิ่มขึ้นมาเป็น 3,500 ดอลลาร์
มันสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตในด้านนี้ อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ใช่ Mass-market นักสะสมงานศิลปะไม่ได้จะทิ้งงานศิลปะดั้งเดิม แล้วหันมาสนใจเฉพาะคริปโทฯ เท่านั้น แต่มันหมายถึงการเติบโตมากขึ้น และมีคนสนใจสิ่งนี้มากขึ้น
ซึ่งสิ่งที่ทำให้ Quigley สนใจมากที่สุด ไม่ใช่การที่ขาย NFT ได้มูลค่ามากกว่า 1 ล้านดอลลาร์ แต่มันคือ การที่ NFT ถูกซื้อ-ขายมากกว่า 1 ล้าน NFT
และธุรกิจของสะสมดิจิทัล อย่าง NFT นี้ นับว่าเป็นธุรกิจรูปแบบใหม่ที่จะสามารถเติบโตในตลาดที่ใหญ่ขึ้นได้
Quigley ได้ให้ความเห็นว่า เมื่อเรามีโลกอีกใบที่เป็นโลกดิจิทัลแล้ว มันจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของโมเดลธุรกิจด้วย โดยจะเป็นการเปลี่ยนแปลงในการสร้างปฏิสัมพันธ์ของคนในโลกนั้น
อย่างไรก็ตาม มันยังเป็นเรื่องที่จะคาดเดาได้ยากว่ามันจะส่งผลอย่างไรต่อไป แต่ Quigley ก็มั่นใจว่าในอนาคต รูปแบบการสร้างรายได้ใน Metaverse จะมาจาก NFT
ยกตัวอย่างเช่น ในตอนนี้บนวิดีโอเกม รายได้ต่าง ๆ มาจากการขายไอเทมในเกม ซึ่งเป็นไอเทมเสมือนจริง และมันสามารถสร้างกำไรให้อุตสาหกรรมนี้กว่า 1.75 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และใน Metaverse มันจะมีมูลค่ามากกว่านี้ เพราะทุกสิ่งสามารถสร้างรายได้ได้ ไม่ใช่เฉพาะแต่เกมเพียงอย่างเดียว
อ้างอิง Bloomberg
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด