NIA เผยผลสำเร็จและ Next Step ในบทบาท ‘ผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม’ | Techsauce

NIA เผยผลสำเร็จและ Next Step ในบทบาท ‘ผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม’

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA เปิดกลยุทธ์ Groom - Grant - Growth - Global’ ขับเคลื่อนไทยสู่ชาตินวัตกรรม พร้อมเผยหนึ่งปีกับผลสำเร็จภายใต้บทบาท ‘ผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม’ หรือ Focal Conductor’ และ กลไกใหม่ทางการเงิน เพื่อหนุนส่งออกผู้ประกอบการนวัตกรรมไทยสู่ตลาดต่างประเทศ พร้อมเปิดตัวทีมบริหารผู้ร่วมผลักดันระบบนวัตกรรมประเทศไทยให้เข้มแข็ง ทั้งมิติการสนับสนุนเงินทุน การพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการนวัตกรรม การเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานนวัตกรรม และการปรับตัวต่อความเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลเต็มรูปแบบ

ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า NIA เดินหน้าในบทบาท 'ผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม (Focal Conductor)' ที่เชื่อมการทำงานร่วมกับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการนวัตกรรมในทุกมิติ โดยมี 5 เป้าหมายหลัก ได้แก่ 

  • 1. สร้างและเชื่อมโยงแพลตฟอร์มพัฒนา IBEs 
  • 2. สร้างนวัตกร และ IBEs ผ่าน NIA Academy 
  • 3. สร้างระบบนวัตกรรมไทยและระบบนิเวศนวัตกรรมให้เข็มแข็ง 
  • 4. ยกระดับนวัตกรรมไทยในดัชนีนวัตกรรมโลก 
  • 5. ปรับบทบาท NIA ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม 

โดยมุ่งเน้นใน 5 อุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่ กลุ่มเกษตร อาหาร และสมุนไพรมูลค่าสูง กลุ่มสุขภาพและการแพทย์ กลุ่มพลังงาน ยานยนต์ไฟฟ้า สิ่งแวดล้อม กลุ่มการท่องเที่ยว และกลุ่มซอฟต์พาวเวอร์

การดำเนินงานช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมาภายใต้แนวความคิด Groom - Grant - Growth NIA ได้พัฒนาขีดความสามารถและศักยภาพทางนวัตกรรมโดยผ่าน NIA Academy ที่มีหลักสูตรร่วมกับพันธมิตรจากทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมไทย-จีน เอ็กแลป ดิจิทัล จำกัด องค์การเพื่อสตรีแห่งสหประชาชาติ ฯลฯ การสร้างนวัตกรภูมิภาคและนักพัฒนาเมืองนวัตกรรม การส่งเสริมความสามารถเชิงธุรกิจของผู้ประกอบการ ทั้งการพัฒนาแผนธุรกิจนวัตกรรมในภูมิภาค และแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง InnoMall การพัฒนาและส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้นผ่านกิจกรรมสตาร์ทอัพลีค ศูนย์กลางสตาร์ทอัพระดับโลกที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับสตาร์ทอัพทั้งการให้คำปรึกษา เครือข่ายนักลงทุน และสมาร์ทวีซ่า ซึ่งเมื่อต้นปี ยูนิฟาร์ส (UniFAHS) โปรตีนจากเฟจ (phage) ธรรมชาติเพื่อควบคุมแบคทีเรียก่อโรค หนึ่งในสตาร์ทอัพด้านเกษตรที่ผ่านการบ่มเพาะองค์ความรู้และได้รับเงินทุนเริ่มต้นจาก NIA สามารถขยายผลจนได้รับการร่วมลงทุนจากเอดีบี เวนเจอร์ส และอินโนสเปซ (ประเทศไทย) กว่า 53 ล้านบาท

การยกระดับกลไกการสนับสนุนทางการเงินเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการนวัตกรรม เช่น กลไกการขยายผลนวัตกรรมในระดับภูมิภาคสู่ตลาด กลไกการสนับสนุนที่ปรึกษาเพื่อพัฒนานวัตกรรม และกลไก Corporate CO - Funding ทั้งนี้ NIA ได้สนับสนุนโครงการนวัตกรรมรายภูมิภาคจำนวน 319 โครงการ วงเงินสนับสนุน 566.88 ล้านบาท และได้ลงทุนร่วมกับแหล่งเงินทุน (Listed investor) ภายใต้กลไก Corporate co-funding 141.43 ล้านบาท และคาดการณ์มูลค่าธุรกิจมากกว่า 1,750 ล้านบาท

รวมถึงการส่งเสริมและเผยแพร่ตัวอย่างความสำเร็จทางนวัตกรรมผ่าน 'โครงการนิลมังกร' ซึ่งปีนี้ต่อยอดเป็น 'นิลมังกร 10X' ที่เน้นสร้างผู้ประกอบการนวัตกรรมคุณภาพสูงให้เข้าสู่ตลาดทุนโดยตั้งเป้ายอดขายไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทใน 3 ปี และการจัดทำโปรแกรมเร่งการเติบโตของสตาร์ทอัพใน 4 ด้าน ได้แก่ เทคโนโลยีอาหาร เทคโนโลยีเกษตร เทคโนโลยีด้านสุขภาพ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งยังนำผู้ประกอบการนวัตกรรมที่มีศักยภาพเข้าร่วมงานนิทรรศการในต่างประเทศเพื่อสร้างโอกาสการขยายตลาดระดับสากล เช่น เยอรมนี ญี่ปุ่น นอกจากนี้ NIA ยังให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนระบบนวัตกรรมด้วยข้อมูลผ่านแพลตฟอร์มบริการข้อมูลนวัตกรรม Thailand Innovation Portal ที่มีข้อมูลนวัตกรรมกว่า 90,000 รายการ และมีผู้ใช้งานกว่า 3,600 คน

“สำหรับก้าวต่อไปภายใต้บทบาท ‘ผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม (Focal Conductor)’ NIA จะขยายผลจากแนวคิด Groom - Grant - Growth โดยเพิ่ม Global เพื่อมุ่งต่อยอดการส่งเสริมผู้ประกอบการนวัตกรรมให้สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผ่านโครงการและความร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรเพื่อขยายกลุ่มผู้ประกอบการนวัตกรรมที่มีศักยภาพให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น เร่งผลักดัน พ.ร.บ. สตาร์ทอัพ ส่งเสริมให้เกิดร่วมลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ จากแหล่งเงินทุนทั้งภาครัฐและเอกชน จัดทำโปรแกรมเร่งการเติบโตของสตาร์ทอัพในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น การแพทย์ และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โปรแกรมส่งเสริมการขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศ รวมถึงการสร้างเครือข่ายนวัตกรรมประเทศไทยให้เข้มแข็งและพร้อมร่วมขับเคลื่อนนวัตกรรมไปกับ NIA โดยตั้งเป้าหมายในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นชาตินวัตกรรมที่ได้รับการยอมรับในเวทีโลก”

ดร.สุรอรรถ ศุภจัตุรัส รองผู้อำนวยการด้านเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า ที่ผ่านมา NIA สร้างบริษัทนวัตกรรมให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น และผลักดันให้โครงสร้างธุรกิจมีความแข็งแกร่ง โดยมี 'แหล่งเงินทุน' เป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กลุ่มเอสเอ็มอี สตาร์ทอัพ วิสาหกิจเพื่อสังคม และวิสาหกิจชุมชนเข้าถึงได้ง่ายและได้รับการจัดสรรอย่างทั่วถึง โดยในปีนี้ NIA พัฒนากลไกการสนับสนุนเงินทุนรูปแบบใหม่ เพื่อเติมเต็มและตอบโจทย์การขยายผลธุรกิจนวัตกรรมให้เติบโตและไปสู่ตลาดได้อย่างยั่งยืนมากขึ้นผ่าน 7 กลไกหลัก ได้แก่ 

  • 1. กลไกการขยายผลนวัตกรรมในระดับภูมิภาคสู่ตลาดสำหรับการทดสอบตลาด การปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการนวัตกรรม ให้สามารถขยายผลเชิงพาณิชย์และฐานลูกค้าใหม่ 
  • 2. กลไกทุนโครงการนวัตกรรมแบบมุ่งเป้า สำหรับทดสอบความเป็นไปได้ทางการตลาดของผลิตภัณฑ์หรือบริการนวัตกรรม การปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการนวัตกรรมให้ตอบโจทย์ตลาดเป้าหมายมากขึ้น การประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์และการลงทุน 
  • 3. กลไกการสนับสนุนที่ปรึกษาเพื่อพัฒนานวัตกรรม สำหรับจ้างที่ปรึกษา การปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานภายในองค์กรด้านกลยุทธ์ธุรกิจ การตลาด ทรัพย์สินทางปัญญา การบัญชี การเงินและการลงทุน การค้าระหว่างประเทศ
  • 4. กลไกการทดสอบผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง สำหรับจ้างที่ปรึกษา การปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานภายในองค์กร การวิเคราะห์ทดสอบ การทวนสอบและประเมินผล เพื่อขอขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์หรือขอรับรองมาตรฐานที่สำคัญต่อการเติบโตทางธุรกิจ 
  • 5. กลไกการขยายธุรกิจนวัตกรรม เพื่อทดสอบนวัตกรรมในหน่วยงานภาครัฐและเอกชน สำหรับขยายธุรกิจสู่เชิงพาณิชย์ของธุรกิจนวัตกรรมในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายพร้อมกับการประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์และการดำเนินธุรกิจ 
  • 6. กลไกสนับสนุนดอกเบี้ยบางส่วนเพื่อเสริมสภาพคล่อง สำหรับเพิ่มสภาพคล่องเพื่อการเติบโตของธุรกิจนวัตกรรม
  • 7. กลไกการสนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้มีโอกาสเติบโตและขยายตลาดโดยการร่วมมือจากแหล่งทุนภาครัฐและเอกชน หรือ Corporate CO - Funding สำหรับสนับสนุนกิจกรรมเกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาธุรกิจให้เติบโต เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตลาด การเพิ่มกำลังการผลิต การขยายทีม และการจัดการทรัพย์สินทางปัญญา และมีกำหนดเงื่อนไขการส่งคืนเมื่อโครงการประสบความสำเร็จเชิงพาณิชย์

คุณปริวรรต วงษ์สำราญ รองผู้อำนวยการด้านระบบนวัตกรรม กล่าวว่า นอกจากการสนับสนุนด้านเงินทุนแล้ว NIA ยังมุ่งสนับสนุนด้านการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการนวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐานนวัตกรรม เพื่อยกระดับผู้ประกอบการนวัตกรรมไทยสู่ตลาดสากล ภายใต้แนวคิด ‘Local to Global’ โดยมี 3 เป้าหมายหลัก ได้แก่ 

  • 1. การสร้างความเข้มแข็งระบบนวัตกรรมระดับภูมิภาค โดยส่งเสริมการเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานนวัตกรรมทั้งด้านองค์ความรู้ทางด้านธุรกิจ เทคโนโลยี ทรัพย์สินทางปัญญา โรงงานต้นแบบ การเงิน การลงทุน และการตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ผ่านความร่วมมือกับอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาคและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ การสร้างย่านนวัตกกรรม และเมืองนวัตกรรม 
  • 2. การพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศไทย ด้วยการสนับสนุนด้านทรัพยากรและการเชื่อมโยงกับตลาด โดยมุ่งเน้นส่งเสริมอุตสาหกรรมที่มีความโดดเด่นและมีศักยภาพในการเติบโต ได้แก่ กลุ่มเกษตร อาหาร และสมุนไพร กลุ่มสุขภาพและการแพทย์ กลุ่มพลังงาน สิ่งแวดล้อม ยานยนต์ไฟฟ้า กลุ่มการท่องเที่ยว และกลุ่มซอร์ฟพาวเวอร์ ตลอดจนพัฒนากำลังคนเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรม ได้แก่ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และเซมิคอนดักเตอร์ 
  • 3. การส่งเสริมผู้ประกอบการนวัตกรรมไทยสู่ตลาดสากล สร้างโอกาสการขยายธุรกิจ และโอกาสการระดมทุน เพื่อยกระดับขีดความสามารถทางนวัตกรรมและการแข่งขันของประเทศ ผ่านการเชื่อมตลาดระหว่างประเทศ การสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร และกิจกรรมจับคู่ธุรกิจในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ฟินแลนด์ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ฮ่องกง

คุณสุพิชญา หลิมตระกูล รองผู้อำนวยการด้านยุทธศาสตร์องค์กร กล่าวว่า ในยุคปัจจุบันการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล หรือ Digital Transformation เป็นการเพิ่มโอกาสและศักยภาพการบริการผู้ประกอบการนวัตกรรมผ่านดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง NIA มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการสร้างประสบการณ์การรับบริการและการทำงานของบุคลากรที่ตอบโจทย์เศรษฐกิจสมัยใหม่และวิถีชีวิตคนรุ่นใหม่ โดยให้ความสำคัญกับการปรับตัวทางดิจิทัลใน 5 ด้าน ได้แก่ 

  • 1. Digital Service - เน้นสร้าง Digital Service Journey ควบคู่ Innovation Journey ผ่านโปรแกรม Groom - Grant - Growth ซึ่งจะแบ่งเป็นทั้งภายในองค์กร และผู้รับบริการภายนอก 
  • 2. Digital People - พัฒนาบุคลากรให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงจาก Digital Literacy ให้เป็น Digital Competency โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก้าวสู่ AI Competency 
  • 3. Digital Connectivity - เชื่อมโยงการทำงานและการเข้าถึงบริการทุกที่ทุกเวลาเพื่อตอบโจทย์สังคมและวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ 
  • 4. Digital Compliance - ยกระดับมาตรฐานและความปลอดภัยให้ทันสมัยตามแนวทางรัฐบาลดิจิทัล
  • 5. Digital Data - แพลตฟอร์มกลางข้อมูลด้านนวัตกรรมที่ยกระดับการใช้ประโยชน์ข้อมูลเพื่อธุรกิจนวัตกรรม

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

NVIDIA เปิดตัว Jetson Orin Nano Super Developer Kit ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI จิ๋ว เตรียมใช้ในหุ่นยนต์ AI

NVIDIA กำลังก้าวไปในสู่โลกของหุ่นยนต์อย่างเต็ม หลังเมื่อต้นปี 2024 ที่ผ่านมา ได้เปิดตัวของสำคัญหลายอย่างทั้ง Blackwell ชิปกราฟิกประสิทธิภาพสูงสำหรับประมวลผล AI โดยเฉพาะ ไปจนถึง Pro...

Responsive image

Openspace กองทุนแห่ง SEA ตั้งเป้า 2 ปี ลงทุนสตาร์ทอัพไทยไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท

โอเพ่นสเปซ (Openspace) กองทุนที่ลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพ SEA ประกาศแผนลงทุนในสตาร์ทอัพไทย ส่งเสริมระบบนิเวศสตาร์ทอัพไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท ในช่วงปี พ.ศ. 2568 - 2569...

Responsive image

ยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่นจับมือ! Honda-Nissan เตรียมควบรวมกิจการ

รายงานระบุว่า ทั้งสองบริษัทกำลังพิจารณารวมตัวกันภายใต้บริษัทโฮลดิ้ง ซึ่งคาดว่าจะมีการลงนามข้อตกลงในเร็วๆ นี้ โดยมีแผนจะดึงมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ที่นิสสันถือหุ้น 24% เข้ามาร่วมด้วย เพื...