NISSAN ร่วมอภิปรายถึงรูปแบบการขับขี่แห่งโลกอนาคตในงาน Techsauce Global Summit 2019 | Techsauce

NISSAN ร่วมอภิปรายถึงรูปแบบการขับขี่แห่งโลกอนาคตในงาน Techsauce Global Summit 2019

เมื่อไม่นานมานี้ ปีเตอร์ แกลลี รองประธาน สายงานสื่อสารองค์กร นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวย้ำถึงอนาคตของรูปแบบการขับขี่ในประเทศไทยที่จะก้าวไปสู่การขับขี่ด้วยระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติเพิ่มมากขึ้น ในงาน Techsauce Global Summit 2019

ภายใต้การอภิปรายหัวข้อ “เราเข้าสู่ยุคแห่งยานยนต์ขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติแล้วหรือยัง” ผู้เชี่ยวชาญและผู้บริหารในอุตสาหกรรมยานยนต์ ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับอนาคตของรถยนต์ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติในประเทศไทย ท่ามกลางความร้อนแรงของการปฏิวัติรูปแบบการขับขี่ด้วยรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง ในส่วนของนิสสัน แกลลี กล่าวว่า เทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางการพัฒนาเมืองในภูมิภาค ซึ่งนิสสันถือเป็นผู้นำของเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยนี้

“ยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติจะเข้ามามีบทบาทเพิ่มมากขึ้นในภูมิภาคนี้ แม้ว่าในปัจจุบันเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อช่วยเหลือการขับขี่ได้ถูกบรรจุอยู่ในรถยนต์นิสสันหลายรุ่น ทว่าเรายังต้องพิจารณาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีเพื่อช่วยเหลือการขับขี่ไปสู่เทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ ทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งยานยนต์เหล่านี้จะมีส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางของเมือง และในทางกลับกันด้วยเช่นกัน” แกลลีกล่าว

แกลลี อธิบายเสริมว่า ยังต้องมีการพิจารณาขอบข่ายด้านกฎหมายร่วมด้วยในการสร้างระบบนิเวศที่จะเอื้ออำนวยต่อการนำเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติมาใช้ในประเทศไทยและในภูมิภาคให้เป็นจริง ทั้งนี้ ประเด็นความปลอดภัยและข้อกำหนดต่าง ๆ ยังอยู่ในระหว่างการหารือและพัฒนาร่วมกับรัฐบาลทั่วโลก

แม้ว่าการนำระบบยานยนต์ขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติมาใช้ ยังเป็นเรื่องอนาคต แต่นิสสันก็ไม่หยุดยั้งในการเป็นผู้นำในการปูทางเทคโนโลยีที่เป็นรากฐานสำคัญ เพื่อรองรับการปรับเปลี่ยนไปสู่ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติในอนาคต อาทิ เทคโนโลยี ProPILOT Assist ระบบขับขี่อัจฉริยะสำหรับช่วยเหลือการขับขี่ที่สามารถควบคุมให้รถให้อยู่ในเลน ช่วยควบคุมการเร่งและการเบรค การรักษาความเร็วและระยะห่างจากรถยนต์คันหน้าให้คงที่ รวมถึงเทคโนโลยี Forward Emergency Braking (FEB) ระบบเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะที่สามารถวิเคราะห์ระยะห่างระหว่างรถยนต์คันหน้า พร้อมส่งสัญญาณเตือนอัตโนมัติ เพื่อป้องกันการชนที่อาจเกิดขึ้น

พร้อมกันนี้ นิสสันยังได้ดำเนินการควบคู่กันไปในด้านการพัฒนาและวิจัย เทคโนโลยี Invisible-to-Visible (I2V) ที่ผสานเทคโนโลยีเสมือนจริง (Augmented Reality) ที่สามารถติดตามสภาพแวดล้อมโดยรอบของรถยนต์ และคาดการณ์ความเสี่ยงที่อาจเกิดอันตราย หรือแม้กระทั่งสิ่งกีดขวางที่อยู่บริเวณจุดบอด โดยแสดงผลให้ผู้ขับขี่ได้เห็นอย่างราบรื่น เพื่อยกระดับประสบการณ์การขับขี่ได้อย่างมั่นใจ

“นวัตกรรมล้ำสมัยเหล่านี้ ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของนิสสัน ในการตอบสนองทุกความต้องการที่เปลี่ยนไปของลูกค้านิสสัน ในประเทศไทยและภูมิภาคสำหรับวันนี้และวันหน้า โดยนิสสันจะยังคงเดินหน้าในการส่งมอบนวัตกรรมระบบการขับเคลื่อนอัตโนมัติ รวมถึงยานยนต์แบบไร้คนขับ ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นในการสร้างอนาคตที่ดียิ่งขึ้นสำหรับลูกค้านิสสัน ที่มีรถยนต์เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต ตลอดจนทำให้พวกเขารู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้น และสามารถเชื่อมต่อทุกครั้งที่ได้ขับขี่” แกลลีกล่าวสรุป

ผู้ร่วมอภิปรายต่างเห็นพ้องร่วมกันว่า เส้นทางสู่ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติในประเทศไทยนั้นต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการสร้างระบบนิเวศที่เหมาะสม รวมถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการกำหนดนโยบาย อันล้วนแล้วแต่จะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนการนำเทคโนโลยีไร้คนขับมาใช้งานได้จริงในประเทศไทย

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Elon Musk ส่งอีเมลถึงราชกาให้เลือกลาออกหรืออยู่ต่อ เหมือนที่เคยทำกับพนักงาน Twitter ปี 2022

เกิดแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ในระบบราชการสหรัฐฯ หลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แต่งตั้ง อีลอน มัสก์ ให้เป็นหัวหน้ากระทรวงเพิ่มประสิทธิภาพภาครัฐ หรือ DOGE โดยมัสก์และทีมงานได้เดินหน้...

Responsive image

SparkCat คืออะไร ทำงานอย่างไร ? มัลแวร์ตัวแรกบน AppStore ลอบขโมยข้อมูลคริปโตผ่านรูปภาพ

มัลแวร์ SparkCat ถูกพบใน AppStore และ Google Play ใช้เทคโนโลยี OCR ขโมยข้อมูลคริปโตจากรูปภาพในแกลเลอรี ระวังการให้สิทธิ์แอปที่ไม่น่าไว้วางใจ...

Responsive image

นักวิจัยสหรัฐฯ สร้างคู่แข่ง AI จีน DeepSeek ด้วยต้นทุนแค่ 50 ดอลลาร์สหรัฐฯ

นักวิจัยจาก Stanford และ University of Washington สร้างโมเดล AI ด้านการให้เหตุผล s1 คู่แข่ง OpenAI o1 ด้วยต้นทุนต่ำกว่า 50 ดอลลาร์ โดยใช้เทคนิค Distillation และข้อมูลจาก Gemini 2.0...