Carlos Ghosn อดีตซีอีโอของ Nissan ออกมาเตือนว่า บริษัทอาจต้องเผชิญกับ "หายนะ" จากการลดต้นทุนครั้งใหญ่ หากตัดสินใจควบรวมกิจการกับ Honda โดยเขาให้เหตุผลว่า ทั้งสองบริษัทมีความซ้ำซ้อนกันมากเกินไป
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา Honda และ Nissan ได้ประกาศแผนการควบรวมธุรกิจเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่ง Ghosn มองว่า Nissan กำลังอยู่ในสภาวะ "เหมือนกำลังมองหาใครสักคนมาช่วย" เพราะยอดขายและกำไรที่ลดลง
Ghosn อดีตซีอีโอที่เคยนำ Nissan ขึ้นมาเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์กล่าวว่า Honda จะเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบในการควบรวมครั้งนี้ ซึ่งเขาเสียใจที่เห็น Nissan ต้องกลายเป็น "เหยื่อของการลดต้นทุน" เพราะทั้งสองบริษัทมีความซ้ำซ้อนกันในหลายด้าน เช่น แผนงาน เทคโนโลยี และอื่นๆ
เขาชี้ว่า การควบรวมจะนำไปสู่การลดต้นทุนครั้งใหญ่ ซึ่ง Nissan ในฐานะ "หุ้นส่วนรายเล็ก" จะต้องเป็นผู้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะไม่มีอะไรที่เสริมกันได้มากนัก ต่างจากการเป็นพันธมิตรกับ Renault ที่เคยมีมาก่อน
ข่าวลือเรื่องการควบรวมกิจการของ Honda และ Nissan เริ่มขึ้นเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา โดยทั้งสองบริษัทได้ยืนยันการเจรจาอย่างเป็นทางการเมื่อวันจันทร์ โดยมีข้อเสนอให้ตั้งบริษัทโฮลดิ้งเป็นบริษัทแม่ และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว โดย Honda ซึ่งมีมูลค่าตลาดมากกว่า Nissan ถึง 4 เท่า จะเป็นผู้แต่งตั้งกรรมการส่วนใหญ่ของบริษัทใหม่ นอกจากนี้ Mitsubishi ซึ่งเป็นพันธมิตรกับ Nissan ก็อยู่ในระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าร่วมกลุ่มด้วยเช่นกัน
หากการควบรวมสำเร็จ กลุ่มบริษัท Nissan-Honda จะมีมูลค่าถึง 54,000 ล้านดอลลาร์ และจะก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 3 ของโลก แซงหน้า Hyundai จากเกาหลีใต้ เป็นรองเพียง Toyota จากญี่ปุ่น และ Volkswagen จากเยอรมนี ซึ่งการควบรวมครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของการรวมกลุ่มในอุตสาหกรรมยานยนต์ เนื่องจากบริษัทต่างๆ กำลังเผชิญกับภาระค่าใช้จ่ายในการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ
ผู้บริหารของทั้ง Honda และ Nissan ยืนยันว่า การรวมกันจะทำให้สามารถแบ่งปันข้อมูลและทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงช่วยประหยัดต้นทุนและเพิ่มกำไรได้ในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม Ghosn มองว่า แผนการควบรวมครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า Nissan "กำลังตื่นตระหนกและต้องการหาคนมาช่วย เพราะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตัวเอง" และเขายังสงสัยว่าแผนการฟื้นฟูของ Nissan จะสำเร็จหรือไม่
Kei Okamura นักวิเคราะห์จาก Neuberger Berman เห็นด้วยว่ายังมีรายละเอียดของแผนการควบรวมที่ต้องพิจารณาอีกมาก เขาบอกว่า นักลงทุนจะสนใจผลกำไรในระยะ 3-5 ปีข้างหน้า แต่สิ่งที่ประกาศออกมาเมื่อวันจันทร์เป็นเพียงแผนระยะสั้นและวิสัยทัศน์ระยะยาวเท่านั้น สิ่งสำคัญคือ การรวมธุรกิจหลังการควบรวมที่จะต้องเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบุคลากร ทรัพย์สิน และวัฒนธรรมองค์กร ซึ่งหากทำได้ไม่ดี อาจทำให้การควบรวมครั้งนี้ไม่สำเร็จ
ทั้งนี้ Nissan ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมใดๆ นอกเหนือจากแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ ส่วน Honda ก็ยังไม่ได้ตอบกลับคำร้องขอความคิดเห็นจาก CNBC
อ้างอิง: cnbc
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด