เมื่อพูดถึงเทคโนโลยีชั้นสูงที่มีแนวโน้มจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรามากที่สุด หนึ่งในนั้นต้องมี Blockchain รวมอยู่ด้วยแน่นอน ซึ่งทุกวันนี้นอกจากราคาของ Cryptocurrency ที่เราได้ตามสื่อต่างๆ เราก็แทบไม่ได้ยินข่าวการค้นคว้าเกี่ยวกับ Blockchain ที่จะส่งผลกับเราสักเท่าไร แต่ในอนาคตอันใกล้ ข่าวคราวของเทคโนโลยีนี้อาจมีมากขึ้น และอาจมาจากประเทศใกล้เคียงอย่างสิงคโปร์ เมื่อมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ เปิดตัวศูนย์ค้นคว้าเทคโนโลยีนี้เป็นการเฉพาะ
Crystal Centre คือชื่อของศูนย์วิจัยด้าน Blockchain ที่จัดตั้งโดยมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ (National University of Singapore โดยมีนักวิชาการระดับศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยและนักพัฒนา Blockchain ที่มีผลิตภัณฑ์ใช้งานแล้วบนท้องตลาดจาก Zilliqa, Kyber Network, Anquan และ Truebit พร้อมด้วยความร่วมมือจากสถาบันวิจัยชั้นนำในปัจจุบันอย่าง Dekrypt Capital, Blockchain at NTU และ Blockchain at Berkeley.
NUS Crystal Centre จะเน้นการค้นคว้าใน Blockhain เพื่อสร้างเครือข่ายที่ขยายตัวได้ มีความปลอดภัยสูง และพร้อมรับมือความเสี่ยงใหม่ๆ ในอนาคต พร้อมกับสร้าง Community ของนักพัฒนาเพื่อให้นำเทคโนโลยีเหล่านั้นไปใช้ได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ ยังตั้งเป้าเป็นแหล่งความรู้ด้านเทคโนโลยี Blockchain ระดับโลก และดึงความสนใจจากแวดวงวิทยาศาสตร์เพื่อให้เทคโนโลยีนี้ได้รับการผลักดันบนพื้นฐานของกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เป็นหลัก
สำหรับหัวข้อการค้นคว้าของศูนย์ในเวลานี้ มี 4 หัวข้อหลัก ได้แก่
Dr. Loi Luu, CEO ของ Kyber Network หนึ่งในผู้สนับสนุนกล่าวว่า “การเริ่มต้นค้นคว้า Blockchain เพื่อสร้าง Network ที่ปลอดภัยด้วยกระบวนการทางวิชาการถือเป็นจุดเริ่มต้นสร้าง Impact ทั้งกับสังคมและด้านวิชาการ เรายังมีความท้าทายทางเทคนิคที่จะผลักดัน Blockchain สู่การเป็นเทคโนโลยีกระแสหลัก ซึ่งทีมงานที่จัดตั้งโดยมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์นั้นอยู่ในจุดที่เหมาะสมกับการผลักดันทีเดียว”
Frank Xian Wang จาก X-Order Institute กล่าวว่า “Crystal Centre เป็น Lab แห่งแรกของโลกที่มุ่งพัฒนา Public Blockchain ทั้งทางเทคนิคและทางเศรษฐกิจ ซึ่งหวังว่าเราจะได้พบ Project และการค้นคว้าที่น่าสนใจจากศูนย์วิจัยแห่งนี้”
Dr. Xinshu Dong, CEO ของ Zilliga กล่าวว่า “การค้นคว้าโดย Zilliga เน้นที่ภาษาโปรแกรมมิ่งสำหรับ Blockchain ซึ่ง Project นี้ของเราจะได้รับการสานต่อโดยทีมงานของ Crystal Centre ที่มีเป้าหมายเป็นศูนย์วิจัยด้าน Blockchain ที่ดีที่สุดในโลก”
ขอบคุณภาพประกอบจาก Facebook Page National University of Singapore
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด