ถ้าให้พูดถึงผู้ให้เครื่องมือค้นหาบริการข้อมูลสินค้าเปรียบเทียบราคาในเมืองไทย ต้องยกให้ Priceza เป็นเบอร์ 1 ด้วยข้อมูลบนเว็บไซต์ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถทำการเปรียบเทียบราคาก่อนซื้อสินค้า โดยในครั้งนี้ได้เปิดตัวแอปพลิเคชันเพื่อตอบสนองกับพฤติกรรมการใช้งานที่ใช้โมบายล์ในยุคนี้

คุณธนาวัฒน์ มาลาบุปผา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และหนึ่งในผู้ก่อตั้ง บริษัท ไพรซ์ซ่า จำกัด พร้อมทีม CTO ได้พูดถึงเกี่ยวกับ Priceza ว่าเปิดบริการมาแล้วกว่า 5 ปี ที่ผ่านมาทาง Priceza ได้รับเงินลงทุนรอบ Pre-Series A โดย CyberAgents ประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริษัทไทยบริษัทแรกที่ CyberAgents ลงทุน และปัจจุบัน Priceza มีผู้เข้ามาใช้งานทั้ง 6 ประเทศที่เปิดให้บริการ (ไทย, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, เวียดนาม, สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์) เดือนละ 7 ล้านคน โดยในประเทศไทยยังคงเป็นตลาดหลัก มีผู้เข้ามาชมเดือนละ 4.5 ล้านคนต่อเดือน ด้วยกลุ่มเป้าหมายที่เป็น Millenial ช่วงอายุ 18-34 ปี และมีการใช้ผ่านมือถือมากถึง 55% ด้วยรายได้ต่อปี ณ เวลานี้ที่ 30 ล้านบาท

จากข้อมูลจากการศึกษาวิจัยของ Google พบว่าคนไทยใช้อินเทอร์เน็ตเข้ามาช่วยในการตัดสินใจซื้อสินค้าผ่านการเปรียบเทียบราคา, สินค้า, สเปคมากที่สุด รวมทั้งการศึกษาของ Priceza เองพบว่าลือกซื้อสินค้าในราคาที่สมเหตุสมผล, ซื้อจากร้านค้าที่น่าเชื่อถือ, ร้านค้ามีอยู่มากมาย ทำให้มีตัวเลือกเยอะ สิ่งที่ต้องการคือตัวกลางในการรวบรวมราคาจากร้านค้าที่มีความน่าเชื่อถือ

จากข้อมูลทั้งหมด จึงเป็นการตั้งเป้าหมายใหม่สำหรับ Priceza โดยปี 2559 ตั้งเป้าไว้ว่าจะมีการเติบโตอย่างน้อย 100% ด้วยกลยุทธบนออนไลน์ผ่านแคมเปญ "อย่าใจร้อน ราคาดี เชคได้ที่ Priceza.com" โดยมีการเปิดตัวแอปพลิเคชันเวอร์ชัน 4.0 ซึ่งเพิ่มคุณสมบัติในการสแกน Barcode ของสินค้าเพื่อที่จะได้รู้ราคาและเปรียบเทียบกันได้สะดวกขึ้น และการมี Best deal of the day โดยจะมีการคัด Deal โดยทีมงาน Priceza ที่มีการลดราคามากกว่า 50% จาก partner มานำเสนอให้กับผู้ใช้งานทุกๆ วัน ด้วยการเลือกสินค้าที่น่าสนใจและราคาที่ถูกที่สุด

ด้านการประชาสัมพันธ์ ทาง Priceza มีการปล่อยโฆษณา 2 ชุด ใช้ช่องทางออนไลน์ในการเผยแพร่เป็นหลักและมี Character ตัวการ์ตูน ซึ่งจะปรากฎบน LINE Stickers เร็วๆ นี้

แอป Priceza ตอนนี้มีคนดาวน์โหลดทั้ง iOS และ Android มากกว่า 150,000 ครั้ง ด้วย Rating ที่มากกว่า 4 ดาว และมีเป้าหมายสำหรับปีหน้าว่าจะมีดาวน์โหลดรวมทั้งหมดเกิน 1 ล้านครั้ง

สำหรับด้านการลงทุน ในต้นปีหน้าจะมีการลงทุนใน Series A ประมาณ 2 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเงินทุนที่จะได้ มีแผนจะนำมาขยายทีมให้ใหญ่ขึ้น รวมทั้งการขยายทีมในต่างประเทศ ซึ่งตอนนี้ยังคงอยู่ในประเทศไทยเป็นหลัก, การเพิ่มฐานผู้ใช้งาน (User based) และการทำการตลาดเป็นหลัก โดยเงินก้อนนี้จะใช้ 2 ปี โดยอาจมองเป็น Investor หน้าใหม่เพื่อเพิ่มมุมมองใหม่ๆ ในการทำงานและการขยายตลาด

ในไทยเอง เริ่มมีคู่แข่งทั้งจากไทยและต่างชาติ (ออสเตรเลียและญี่ปุ่น) เข้ามาบ้างแล้ว แต่ Priceza ก็ยังคงเป็นเบอร์ 1 อยู่ด้วยส่วนแบ่งการตลาดของเราอยู่ที่ประมาณ 85% และเมืองไทยยังมีโอกาสเติบโตอีกเยอะ เพราะผู้เล่น e-commerce ที่มาจากเมืองนอกเพิ่มขึ้น และผู้เล่นเดิมที่มีการเปิดแบรนด์ใหม่ ทำให้บริการของเราเติบโตตามไปด้วย

ส่วนตลาดต่างประเทศ ปีนี้ (2558) ได้มีการขยายถึง 4 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย, เวียดนาม, สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์ แต่ประเทศที่มีการแข่งขันสูงที่สุดในตอนนี้คือ อินโดนีเซีย ซึ่งทาง Priceza ตั้งเป้าไว้ว่าจะอยู่ใน 1 ใน 3 ให้ได้ โดยทั้งหมดมีพฤติกรรมในการเลือกซื้อสินค้าที่เหมือนกัน แต่จะแตกต่างกันเพียงสินค้าที่สนใจ

และ AEC ทาง Priceza มองการเปิด AEC ว่าจะช่วยให้เกิดการซื้อขายข้ามประเทศได้ในอนาคต ภายใน 3-5 ปี โดยในตอนนี้จะยังเน้น Local ภายในแต่ละประเทศเป็นหลักก่อน

Vision ของ Priceza มองว่าจะช่วยให้ผู้ซื้อสามารถตัดสินใจซื้อสินค้าได้อย่างชาญฉลาดที่สุด และสร้าง ecosystem ของ ecommerce ให้ผู้ซื้อมีพลังของข้อมูลอยู่ในมือของผู้ใช้งานโดย Priceza จะเป็นคนการันตีราคาสินค้าให้