บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท. เผยทิศทางดำเนิธุรกิจปี 5 ปีข้างหน้า (2564-2568) เตรียมเงินลงทุนทั้งกลุ่ม ปตท. ในวงเงินรวม 850,573 ล้านบาท มุ่งแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆด้วยการรุกธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต รวมถึงเชื่อมต่อคุณค่าจากแหล่งผลิตปิโตรเลียมสู่ประชาชน ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงาน เพื่อให้เกิดระบบนิเวศธุรกิจ (Ecosystem)
คุณอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) แถลงผลการดำเนินงานประจำปี 2563 ในกลุ่ม Facebook PTT-Press Meeting ว่า ในไตรมาส 4 ปี 2563 เริ่มฟื้นตัว โดย ปตท. และบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA) จำนวน 71,614 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4,149 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.1 และกำไรสุทธิในไตรมาส 4 ปี 2563 จำนวน 13,147 ล้านบาท ลดลง 973 ล้านบาท หรือร้อยละ 6.9 จากไตรมาสก่อนหน้า สำหรับผลการดำเนินงานของปี 2563 ปตท. และบริษัทย่อยมี EBITDA จำนวน 225,672 ล้านบาท ลดลง 63,300 ล้านบาท หรือร้อยละ 21.9 มีกำไรสุทธิจำนวน 37,766 ล้านบาท ลดลง 55,185 ล้านบาท หรือร้อยละ 59.4 จากปี 2562 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีจากผลการบริหารจัดการตลอดปีที่ผ่านมา แม้ในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจและธุรกิจพลังงานโลกที่ยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ เนื่องจากผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19
คณะกรรมการ ปตท. ในการประชุม เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมา มีมติเห็นชอบให้จ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานประจำปี 2563 ในอัตราหุ้นละ 1.00 บาท แบ่งเป็นเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการ 6 เดือนแรกในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท และ 6 เดือนหลัง อีก 0.82 บาท ทั้งนี้ กลุ่ม ปตท. นำส่งรายได้ให้รัฐ ทั้งในรูปเงินปันผลและภาษีเงินได้ในปี 2563 จำนวน 36,535 ล้านบาท หากรวมนับตั้งแต่ปี 2544 จนถึงปัจจุบัน รวมจำนวนประมาณ 9.9 แสนล้านบาท
บริษัทเตรียมงบลงทุนในระยะ 5 ปี (2564-2568) ไว้ที่ 103,267 ล้านบาท โดยจะลงทุนในธุรกิจก๊าซฯ จำนวน 30,552 ล้านบาท ,ธุรกิจที่ร่วมทุนหรือลงทุน100% จำนวน 27,267 ล้านบาท ,PTTLNG จำนวน 22,150 ล้านบาท ,ธุรกิจท่อส่งก๊าซฯ จำนวน 13,053 ล้านบาท และ ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานการค้าระหว่างประเทศ และปิโตรเลียมขั้นปลาย จำนวน 10,245 ล้านบาท
ขณะที่งบลงทุนทั้งกลุ่ม ปตท. ในระยะ 5 ปี (2564-2568) เตรียมแผนลงทุนในวงเงินรวม 850,573 ล้านบาท (ไม่รวมโครงการที่กำลังอยู่ระหว่างการลงทุนหรือแสวงหาโอกาสในการลงทุน) และจัดเตรียมงบลงทุนในอนาคต (Provisional Capital Expenditure) ในระยะ 5 ปีข้างหน้า จำนวน 804,202 ล้านบาท เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง สร้างความเข้มแข็งและความสามารถในการแข่งขัน พัฒนาเศรษฐกิจไทย ทั้งในธุรกิจหลักของกลุ่มโรงกลั่น ก๊าซธรรมชาติ และปิโตรเคมี
พร้อม มุ่งแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆด้วยการรุกธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต รวมถึงเชื่อมต่อคุณค่าจากแหล่งผลิตปิโตรเลียมสู่ประชาชน ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงาน เพื่อให้เกิดระบบนิเวศธุรกิจ (Ecosystem) ตั้งแต่ธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และก๊าซธรรมชาติ สู่ธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้า จนถึงธุรกิจแบตเตอรี่และการกักเก็บพลังงาน (Battery & Energy Storage) และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) พร้อมเดินหน้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับ ได้แก่ โครงการ LNG Terminal 2 (หนองแฟบ) โครงการโรงแยกก๊าซฯหน่วยที่ 7 โครงการท่อก๊าซฯบนบกเส้นที่ 5 รวมถึงการเดินหน้าลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ผ่าน บริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล เพาเวอร์ จำกัด (GRP) โดยมีเป้าหมายการลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน 4.3 GW ภายในปี 2568
นอกเหนือจากนวัตกรรมด้านพลังงาน กลุ่ม ปตท. ยังเตรียมพร้อมก้าวสู่ธุรกิจที่มีศักยภาพเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยในอนาคต เช่น การจัดตั้งบริษัท AI and Robotics Venture (ARV) ของ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (ปตท.สผ.) รวมถึงการจัดตั้งบริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจ Life Science ใน 4 กลุ่มธุรกิจที่ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง ได้แก่ 1. ธุรกิจยา 2. ธุรกิจอาหารและโภชนาการ 3. ธุรกิจอุปกรณ์และวัสดุทางการแพทย์ 4. ธุรกิจเทคโนโลยีทางการแพทย์ เพื่อให้เป็น New S-Curve ของกลุ่ม ปตท. และประเทศไทย ทั้งยังส่งเสริมสาธารณสุขคนไทยให้มั่นคง
บริษัทได้มีการเจรจากับกองทัพบกเพื่อที่จะนำเทคโนโลยีผลิตแบตเตอรี่จากบริษัท 24M มาใช้สำหรับรองรับการผลิตกักเก็บโซลาร์ฟาร์มของกองทัพบก ตามแผนงานของกองทัพบกที่อยู่ระหว่างศึกษาพัฒนาโครงการโซล่าฟาร์มขนาด 3 หมื่นเมกะวัตต์ บนพื้นที่ของกองทัพบก ซึ่งปัจจุบันกองทัพบกมีพื้นที่ว่างในประเทศค่อนข้างเยอะ บริษัทฯจึงมองเป็นโอกาสในการลงทุนครั้งนี้ ซึ่งทางกองทัพบกได้เคยเปิดเผยมาว่าจะมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ (MOU) วันที่ 11 มีนาคม 2564
"24M Technologies เราได้ไปลงทุนกับเขามาเป็นระยะเวลานานพอสมควร ซึ่งวันนี้ก็เริ่มออกดอกออกผลแล้ว ปัจจุบันมีบริษัทใหญ่ในต่างประเทศสนใจที่จะซื้อใบอนุญาต(License ) เทคโนโลยีตัวนี้ไป ทีนี้มามองในประเทศไทย เราลงทุนในเรื่องของพลังงานทดแทนและโซลาร์ค่อนข้างเยอะ ทีนี้พวกโซลาร์ถ้ามันจะสมบูรณ์จริงๆจะต้องมีแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นตัวจักรสำคัญที่ทำให้การจ่ายไฟมันไม่ขาดตอน"
นอกเหนือจากลงทุนด้านพลังงานทดแทนให้แก่กองทัพบกแล้ว บริษัทฯยังมีแนวคิดที่จะนำแบตเตอรี่จากบริษัท 24M มาใช้ในการทหารด้วยเช่นกัน โดยมองในอุตสาหกรมมป้องกันประเทศ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจาร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและทางการทหาร ว่าเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่บริษัทมีจะสามารถนำไปสร้างประโยชน์เพื่อป้องกันประเทศได้อย่างไรบ้าง เช่น นำไปใส่เสื้อเกราะ และรถถัง เป็นต้น
ในด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม กลุ่ม ปตท. ได้ร่วมกันยกระดับการพัฒนาธุรกิจสู่สังคมคาร์บอนต่ำควบคู่กับการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการกำหนดค่าเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของกลุ่ม ปตท. ร้อยละ 27 เทียบกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานตามปกติ ปี 2573 รวมถึงการสานต่อโครงการเพื่อสังคมต่างๆ โดยจะมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าร่วม เสริมสร้างความเข้มแข็งทางสังคม โดยดำเนินโครงการ Restart Thailand สนับสนุนการสร้างงาน สร้างรายได้ และทักษะอาชีพ ด้วยการจ้างแรงงาน พนักงาน และนักศึกษาระดับ ปวช.- ปริญญาตรีในทุกภูมิภาค กว่า 25,000 อัตรา ซึ่งในส่วนของ ปตท. ได้มีการฝึกอบรมนักศึกษาจบใหม่ เพื่อให้มีความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม และพัฒนาทักษะด้านต่างๆ ในโครงการ SMART Farming สนับสนุนชุมชนพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานและการใช้เทคโนโลยีในกระบวนการผลิตสินค้าเกษตรสู่วิถีใหม่ และ SMART Marketing เพื่อยกระดับสินค้าชุมชนและส่งเสริมการใช้ช่องทางการตลาดออนไลน์และ E-commerce เป็นต้น
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด