เป็นอีกประเด็นร้อนที่ทำให้ผู้มีบัญชีเงินฝากใจเต้นไปตามๆ กัน เมื่อกรมสรรพากรออกประกาศเกี่ยวกับการเก็บภาษีเงินได้จากดอกเบี้ยธนาคารซึ่งว่าด้วยแนวทางปฏิบัติใหม่ (ข่าวที่เกี่ยวข้อง 'กรมสรรพากร' ยันดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ 20,000 ยังยกเว้นภาษี แต่ต้องส่งข้อมูลเพื่อรักษาสิทธิ์ และ สรรพากรเริ่มถอยแล้ว เจ้าของบัญชีอาจไม่ต้องเซ็นยินยอมกับธนาคาร) ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา กรมสรรพากรแถลงร่วมกับสมาคมธนาคารไทย เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าว ทั้งแนวทางปฏิบัติและผลที่จะเกิดขึ้นกับผู้มีบัญชีเงินฝาก โดยสรุปเนื้อหาได้ดังนี้
คุณเอกนติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร เผยว่า ประกาศนี้เป็นไปเพื่อปรับกระบวนการยื่นภาษีจากดอกเบี้ยเงินฝากให้ใช้กรบวนการดิจิทัลทั้งหมด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย ทั้งนี้ ได้ทำการหารือเพิ่มเติมกับสมาคมธนาคารเพื่อหาวิธีที่ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวก จึงขอให้ธนาคารส่งข้อมูลทั้งหมดทันที ส่วนผู้ที่ไม่ประสงค์ส่งข้อมูลก็สามารถดำเนินการตามกรอบวันเวลาที่กำหนด
ในส่วนของข้อมูล อธิบดีกรมสรรพากรกล่าวเพิ่มเติมว่า กรมสรรพากรได้รับข้อมูลจากธนาคารมาตลอดอยู่แล้วในรูป ภ.ง.ด. 2 เพียงแต่อยู่กระบวนการจัดการข้อมูลยังคงใช้กระดาษและกระจายตามพื้นที่ ทำให้การดำเนินการตามสิทธิ์การยกเว้นภาษีตกหล่น จึงมีแนวคิดที่จะนำข้อมูลที่ได้อยู่แล้วนี้มาดำเนินบนดิจิทัลเพื่อลดความผิดพลาดและช่วยให้ผู้มีสิทธิ์ลดหย่อยได้ใช้สิทธิ์เต็มที่
แนวทางปฏิบัติที่ชี้แจงล่าสุดเป็นการแก้ไขประกาศฉบับเดิมซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน จึงถือว่ามีผลบังคับใช้แล้ว ผู้ที่ไม่ประสงค์ให้กรมสรรพากรได้ข้อมูลดอกเบี้ยจากธนาคารจึงต้องรีบเตรียมดำเนินการโดยเร็ว
ตามที่กรมสรรพากรได้มีประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 344) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเพื่อการยกเว้นภาษีเงินได้ สำหรับดอกเบี้ยเงินฝากที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามประเภทออมทรัพย์และผลตอบแทนเงินฝากตามหลักการของศาสนาอิสลามที่ต้องจ่ายคืนเมื่อทวงถามตามหลักการวะดีอะฮ์ กรมสรรพากรได้หารือร่วมกันกับธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และสมาคมธนาคารนานาชาติ เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2562 เพื่อกำหนดแนวทางการส่งข้อมูลดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ให้แก่กรมสรรพากร โดยที่ประชุมได้ข้อสรุปที่จะเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ฝากเงินมากที่สุด
คุณเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากรได้ชี้แจงการดำเนินการว่า “ที่ประชุมเห็นพ้องกันในการแก้ไขประกาศข้างต้น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ฝากเงินบัญชีออมทรัพย์ส่วนใหญ่ทั่วประเทศให้ได้รับสิทธิยกเว้นภาษี โดยธนาคารจะนำส่งข้อมูลดอกเบี้ยแก่กรมสรรพากร แต่หากผู้ฝากเงินไม่ประสงค์จะได้รับยกเว้นภาษีต้องแจ้งแก่ธนาคารผู้จ่ายดอกเบี้ยไม่ให้นำส่งข้อมูล ซึ่งธนาคารจะหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายจากดอกเบี้ยดังกล่าวไว้ในอัตราร้อยละ 15 ทั้งนี้ กรมสรรพากรอยู่ระหว่างปรับปรุงประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฉบับดังกล่าว”
คุณปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยเพิ่มเติมว่า “การกำหนดให้ธนาคารผู้จ่ายดอกเบี้ยนำส่งข้อมูลดอกเบี้ยทุกบัญชีต่อกรมสรรพากร จะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าบัญชีเงินฝากส่วนใหญ่ของประเทศ อย่างไรก็ตาม สำหรับลูกค้าที่ไม่ประสงค์จะใช้สิทธิดังกล่าว และไม่ต้องการให้ธนาคารผู้จ่ายดอกเบี้ยนำส่งข้อมูลดอกเบี้ยให้กรมสรรพากร ต้องกรอกแบบฟอร์มเพื่อแจ้งความประสงค์ที่ธนาคารผู้จ่ายดอกเบี้ยที่ลูกค้ามีบัญชีให้ครบทุกธนาคาร ตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม 2562 เป็นต้นไป โดยการแจ้งครั้งเดียวจะมีผลตลอดไป จนกว่าลูกค้าจะมาแจ้งเปลี่ยนแปลงเป็นอื่น ทั้งนี้ ลูกค้าที่มาแจ้งภายในวันที่ 14 พฤษภาคม 2562 จะมีผลตั้งแต่รอบภาษีดอกเบี้ยจ่ายครึ่งปีแรกในเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป”
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด