บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS Group ปักธงแสดงจุดยืน และก้าวต่อไปของ Popcoin ในฐานะ Infrastructure เพื่อยกระดับโมเดล Entertainmerce ให้แข็งแกร่ง ทั้งการสร้าง Seamless Customer Experience และการมี Seamless Big Data
พร้อมเผย 4 กลยุทธ์หลักในการสร้างการเติบโต ที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นตัวขับเคลื่อนและกุญแจสำคัญที่จะนำพาทุกธุรกิจในเครือพุ่งทะยานไปสู่เป้าหมาย 5.1 พันล้านบาทในปีนี้อย่างที่ตั้งไว้ รวมทั้งการมองหาพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจจากการทำ M&A อีก 1-2 ดีลภายในปีนี้ ซึ่งยังคงโฟกัสที่การต่อยอดโมเดลธุรกิจ Entertainmerce เผยตั้งเป้าลงทุนรายละ 500-1,000 ล้านบาท
คุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า RS Group เล็งเห็นโอกาส และพยายามมองหาโซลูชั่นใหม่ๆ เพื่อทำให้ Entertainmerce สมบูรณ์และไร้รอยต่อยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นที่มาของการพัฒนา Popcoin ในฐานะเป็นสมาร์ทมาร์เก็ตติ้งแพลตฟอร์ม ที่จะเข้ามาทำให้ Ecosystem ของ RS Group นั้นใหญ่ขึ้น มีประสิทธิภาพสูงสุด และสร้างการเติบโตใหม่ๆ ให้แก่ทุกธุรกิจในเครือ ซึ่ง Popcoin ได้ Soft Launch ในช่วงปลายปี 2021 และได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมา
โดยในปีนี้ RS Group ยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายสำหรับผู้บริโภคอยู่เหมือนเดิม แต่จะหันมาโฟกัสที่ดิจิทัลโปรดักส์ ดิจิทัลคอนเทนต์ และดิจิทัลเซอร์วิสเพิ่มขึ้น โดยผ่านการทำงานของ Popcoin เพื่อยกระดับให้ RS Group เป็นองค์กรที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจ
โดยลูกค้ากลุ่ม Baby Boomer, Gen X และ Gen Y ตอนต้นนั้นยังเป็นกลุ่มลูกค้าหลัก ซึ่งจะใช้ Popcoin มาเชื่อมให้ลูกค้ากลุ่มนี้ได้รับ Benefits ที่เพิ่มขึ้น และใกล้ชิดกับเรามากขึ้น ส่วนลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ อย่าง Gen Y ตอนปลาย Gen Z และ Alpha ซึ่งชื่นชอบการใช้เทคโนโลยี และ Adopt เทคโนโลยีได้รวดเร็ว เราจะนำ Popcoin มาเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้พวกเขารู้จัก RS Group เข้าถึงเราได้ง่ายกว่าที่เคย และได้รับความสุขที่พิเศษกว่าใครจากการมาเป็น Popster และอยู่ใน Popcoin Community
1. การสร้างดิจิทัล อีโคโนมี บนโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะเกิดขึ้นได้จาก
2. เป็นองค์กรแห่งข้อมูล นำข้อมูลมาวิเคราะห์ และทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด
3. ยกระดับบริษัทผลิตผลิตภัณฑ์ของอาร์เอสให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อจับกลุ่มลูกค้า Mass Market
4. เพิ่มมูลค่าให้แก่บริษัท ผ่านการ Synergy และจับมือกับพันธมิตรใหม่ๆ ในหลากหลายวงการ
ด้าน คุณวิทวัส เวชชบุษกร ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน เปิดเผยว่า สำหรับปี 2565 กุญแจสำคัญที่จะทำให้อาร์เอส กรุ๊ป ก้าวไปสู่เป้าหมายตามที่ตั้งไว้ คือ การดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ LEAP
อาร์เอส มอลล์ (RS Mall) มัลติแพลตฟอร์มช้อปปิ้งสินค้าเพื่อการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ด้วยสินค้าและบริการที่หลากหลาย ตอบโจทย์เป็น “Your Wellbeing Partner”
1.มีการแบ่งสินค้าและบริการออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ สินค้ากลุ่มบอดี้ มีสัดส่วน 60% ได้แก่ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพและความงาม สินค้ากลุ่มมายด์ สัดส่วน 5% ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต เช่น ไทยประกันชีวิต บุพพการีมีเงินใช้ (เพื่อเพื่อผู้สูงอายุ), ไทยพาณิชย์ โพรเทค ประกัน แคนเซอร์ พลัส และสินค้ามงคล เป็นต้น สินค้ากลุ่มโฮมแอนด์เพ็ท สัดส่วน 20% และสินค้ากลุ่มโซเชียลแอนด์ทราเวล สัดส่วน 15% โดยสินค้าที่ขายใน RS Mall ทั้งหมดมาจากบริษัท ไลฟ์สตาร์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครืออาร์เอส กรุ๊ป 50% และพาร์ทเนอร์อีก 50%
2.ใช้ Popcoin เป็นตัวเชื่อมในการสร้างฐานลูกค้าใหม่ๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับ Ecosystem ของ RS Mall ซึ่ง Popcoin จะมาเป็นเครื่องมือในการทำ GWP (Gift with Purchase) และช่วยเพิ่มยอดขายจากการทำโปรโมชั่นต่างๆ สำหรับสมาชิก RS Mall PLUS
3.ขยายและสร้างความแข็งแกร่งในช่องทางอีคอมเมิร์ซ
4.จัดทำ Loyalty Program ในชื่อ ‘RS Mall PLUS’ สมาชิกจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย โดยปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 8 แสนราย และคาดว่าภายในสิ้นปี 65 จะมีสมาชิกเพิ่มเป็น 1.2 ล้านราย
บริษัท ไลฟ์สตาร์ จำกัด
ในปีนี้ได้รีแบรนด์ใหม่ เพื่อมุ่งสู่การเป็น Innovative Wellness Product Company ที่จะนำนวัตกรรมใหม่ๆ ในการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ เพื่อการป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพ (Preventive Care) ภายใต้ผลิตภัณฑ์ 4 แบรนด์หลัก ได้แก่
ไฮไลท์ผลิตภัณฑ์ปีนี้เป็นสินค้าที่มีสารสกัดจากกัญชงและ CBD ที่จะทยอยออกมาในแต่ละแบรนด์ ที่จะจำหน่ายผ่าน RS Mall ร้านสะดวกซื้อ โมเดิร์นเทรด ร้านค้าปลีก Specialty Store ร้านขายยา และเพ็ทชอป รวมถึงช่องทางอีคอมเมิร์ซ ที่สำคัญยังนำ Popcoin มาเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นยอดขาย และสร้าง Engagement
สถานีโทรทัศน์ช่อง 8
นอกจากนี้ ผู้ชมช่อง 8 จะได้สัมผัสประสบการณ์พิเศษจาก Popcoin ผ่านระบบเมมเบอร์ชิพ รวมไปถึง Exclusive คอนเทนต์ที่มีให้เฉพาะ Popster เท่านั้น ส่วนสปอนเซอร์ยังสามารถนำ Popcoin ไปทำกิจกรรมที่หลากหลายร่วมกับช่อง 8 เพื่อให้แบรนด์ได้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้ตรงกลุ่มมากขึ้น
COOLISM
นำโดย COOLfahrenheit สถานีเพลงไทยสากลอันดับหนึ่งที่ผู้ฟังเหนียวแน่นทั้งบนออนแอร์และออนไลน์ ที่พร้อมขับเคลื่อนประสบการณ์การฟังเพลง ด้วยการขยายฐานผู้ฟังสู่ Young Generation ผ่านสมาร์ท สปีคเกอร์ และสมาร์ท ดีไวซ์
RS Music
ทำคอนเทนต์ใหม่ๆ ขึ้นไปวางบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้นเพื่อสร้างรายได้เพิ่มให้กับธุรกิจ โดยจับมือกับพันธมิตรเพื่อออกซิงเกิ้ลใหม่ และยังสามารถฟังผ่านสตรีมมิ่งต่างๆ อาทิ Apple MUSIC, JOOX, Spotify และ TRUE ID รวมถึงพาร์ทเนอร์ AIS, DTAC และ TRUE นอกจากนี้ การเพิ่มช่องทางรายได้จากการบริหารและดูแลศิลปินด้วยการผลิตคอนเทนต์ใหม่ๆ ป้อนเข้าช่องทางออนไลน์ ทั้งช่อง RSfriends, Kamikaze และ RSiam และงานบริหารลิขสิทธิ์คลังเพลง ที่ปีนี้จะเพิ่มแหล่งรายได้ใหม่จากแพลตฟอร์มออนไลน์ อาทิ TikTok และพันธมิตรใหม่ๆ
บริษัท โฟร์ท แอปเปิ้ล จํากัด
จากความเชี่ยวชาญของบริษัทในด้านคอนเทนต์ K-Pop ในปีนี้ โฟร์ท แอปเปิ้ล จึงจัดทำรายการ Food Truck Battle ซีซั่น 2 และรายการ Men in Light Documentary ที่นำเสนอเรื่องราวของศิลปินชาวไทยที่มีชื่อเสียงในระดับโลก นอกจากคอนเทนต์ฝั่ง K-Pop แล้ว โฟร์ท แอปเปิ้ล จะมีการผลิตคอนเทนต์และร่วมจัดอีเวนท์ระดับโลกตามมาอีกมากมายในอนาคต
RS Music
การเข้าสู่ตลาด NFT ภายใต้ความแปลกใหม่ที่แฟนคลับ RS Music ต้องติดตาม และจากฐานผู้ชมผู้ฟังเพลงรวมกว่า 50 ล้านบัญชีผู้ใช้งานผ่านทุกช่องทางออนไลน์ RS Music จะสร้างออนไลน์คอนเทนต์รูปแบบใหม่ใน youtube โดยมีรายละเอียด ดังนี้
รวมถึงการสร้างออนไลน์คอนเทนต์ร่วมกับช่องทางศิลปิน เบิ้ล ปทุมราช อาร์สยาม กับ รายการ MISSION เฮ็ดสิเบิ้ล และรายการน่ารักสัตว์สัตว์
ส่วนบริษัท เชฎฐ์ เอเชีย จำกัด จากที่ อาร์เอส กรุ๊ป ได้เข้าร่วมลงทุนในสัดส่วน 35% นั้น ขณะนี้ เชฎฐ์ เอเชีย ยังคงดำเนินตามแผนธุรกิจ ทั้งในแง่การ Synergy เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจร่วมกัน และการเตรียมการ IPO โดยจะยื่น Filing ต่อสำนักงานกลต. ในไตรมาส 2 ปี 2565 และมีกำหนดการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในไตรมาส 4 ปี 2565
ล่าสุด Popcoin มีผู้ลงทะเบียนเป็น Popster จากแคมเปญ Popcoin Airdrop แล้วกว่า 7 แสนราย ซึ่งในปีนี้ เหล่า Popster จะเข้าถึงประสบการณ์ใหม่ๆ ที่พิเศษสุดๆ ยกตัวอย่างเช่นการที่ Popcoin นำ แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล ศิลปินชื่อดังระดับโลกเข้ามาร่วมงานในฐานะ Platform Partner
นอกจากนี้ อาร์เอส กรุ๊ป ยังคงมองหาพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจจากการทำ M&A อีก 1 - 2 ดีลภายในปีนี้ หากมองในมุมของงบลงทุน ได้มีการเตรียมเงินลงทุนในเรื่องของการทำ M&A ปีนี้โดยวางไว้ 2 ดีล โดยในแต่ละดีลอยู่ประมาณ 500-1,000 ล้านบาท ส่วนเรื่องของการลงทุนในธุรกิจเดิมๆที่ต่อเนื่องไม่ได้เป็นการลงทุนที่ใหญ่ เพราะเป็นการลงทุนเพื่อสร้างงานต่อเนื่อง เป็นค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการ Operate อยู่แล้วในแต่ละปี โดยเงินทุนก้อนใหญ่เตรียมไว้สำหรับการทำ M&A
ขณะที่ Direction ในการหาพาร์ทเนอร์ไม่ว่าจะเป็นวิธีใดก็ตาม ก็จะยังอยู่ในกลุ่มของ Entertain และ Commerce ซึ่งสามารถ Synergy กับธุรกิจในกลุ่มที่ RS ทำอยู่ ซึ่งกำลังมองๆอีก 2-3 ดีลที่กำลังอยู่ในขั้นตอน Explore หากถามถึงความชัดเจนมองว่าจะเป็นภายในปี 2022 ที่วางไว้ 2-3 ดีล ตอนนี้อยู่ในช่วงเจรจา และที่สำคัญการทำ M&A จะเป็นกลไกในการช่วยคุมต้นทุนของบริษัทด้วย และจากการที่ได้มีสื่อรายงานข้อมูลดีลยักษ์ที่ RS ประกาศเข้าซื้อกิจการ ยูนิลีเวอร์นั้น ทางฝ่าย RS ได้มีการแจ้งว่ายังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลใดๆได้ ซึ่งการที่บริษัทจะทำ M&A และ JV นั้นบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการเข้าลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ
ดังนั้นหากถามถึงเรื่องกลยุทธ์ระยะยาวในปีนี้จะเน้นเรื่องของการทำ M&A และการมองหาโอกาสในการ Spinoff ซึ่งใน RS มีหลายตัวโดยอยู่ในแผนที่กำลังพิจารณา ส่วนทางด้าน Popcoin คาดว่าจะเทรดได้ภายในเดือนสิงหาคม 2565 ซึ่งต้องรอทาง Bitkub
ทั้งนี้ในส่วนของกำลังซื้อของผู้บริโภค คุณสุรชัย มองว่า ในช่วงต้นปี 2022 และปลายปี มองว่าทุกภาคส่วนเริ่มปรับตัวและตั้งรับได้ โดยโควิดน่าจะเริ่มซาก็คงไม่เป็นอุปสรรคใหญ่ในการใช้ชีวิต เมื่อการใช้ชีวิตเริ่มกลับมา กลไกทางธุรกิจจะเริ่มฟื้นตัว แต่ต้องรอดูว่าเซกเตอร์ใดจะฟื้นตัวก่อน ช้าหรือเร็ว ขณะที่ในมุมของ RS ยังไม่มีการปรับราคาสินค้าใดๆทั้งสิ้น
ส่วนทางฝั่งมุมมองในของเรื่องเม็ดเงินโฆษณา ภาพรวมมองว่าเม็ดเงินในมุมของเทรนด์คงไม่เปลี่ยนแปลง ยังเติบโตในส่วนของออนไลน์ที่จะเติบโตสูง ส่วนสื่อเดิมอาทิ โทรทัศน์ วิทยุ ยังมีลักษณะทรงตัวเติบโตไม่มาก จึงเป็นเหตุผลที่ RS โฟกัสเรื่องของออนไลน์คอนเทนต์ และการสร้าง Influencer
โดยทั้งหมดนี้จากการใช้กลยุทธ์ทั้งในระยะยาวและระยะสั้นของ RS Group จะเป็นการยกระดับโมเดล Entertainmerce เพื่อสร้าง Seamless Customer Experience และส่งเสริมให้เกิด Seamless Big Data ที่จะส่งผลให้ RS Group มีฐานข้อมูลลูกค้าที่ใหญ่ขึ้น สามารถวิเคราะห์และพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้น
ซึ่งจะนำไปสู่การเติบโตและการขยายธุรกิจทั้งในแนวตั้งและแนวราบ และมี Popcoin สมาร์ท มาร์เก็ตติ้ง แพลตฟอร์ม โดยคาดว่า RS Group จะมีรายได้รวม 5.1 พันล้านบาท ภายในปี 2565 อย่างแน่นอน
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด