Sea Group บริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Garena Shopee และ Seamoney ประกาศรายได้ไตรมาสแรกของปี 2564 อยู่ที่ 1.76 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเติบโตขึ้นกว่า 2 เท่าจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 714.9 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยรายได้จาก Garena เติบโตกว่า 2 เท่าจากปีก่อน มาอยู่ที่ 781.3 ล้านเหรียญสหรัฐเนื่องจากเกม Free Fire ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
รายได้จาก Shopee เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่าตัวจากปีก่อน มาอยู่ที่ 922.3 ล้านเหรียญสหรัฐ รับอานิสงค์จากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่กระตุ้นดีมานด์ของการช็อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น
รายได้จาก SeaMoney เพิ่มขึ้นเป็น 51.3 ล้านเหรียญสหรัฐจากปีก่อน ที่ 10.3 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการที่บริการ e-wallet ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ปริมาณการชำระเงินผ่าน mobile wallet ของ Sea Group เติบโตมากกว่า 3 เท่าตัวจากปีก่อน มาอยู่ที่ 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ
แม้ว่ารายได้จะเติบโตขึ้นแต่ผลการดำเนินงานของบริษัทยังมีผลขาดทุนสุทธิ โดยไตรมาสนี้ขาดทุนอยู่ที่ 422.7 ล้านเหรียญสหรัฐ จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนอยู่ที่ 281.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากบริษัทมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการแข่งขันในศึก e-commerce และธุรกิจ online entertainment ในภูมิภาคที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยค่าใช้จ่ายด้านการขายและการตลาดสำหรับไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัวจากปีก่อน มาอยู่ที่ 678.9 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้เมื่อช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา Sea Group ได้มีการเปิดตัวบริการ Food Delivery ในจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซีย เพื่อเป็นการตอบสนองต่อศึกการแข่งขันในเศรษฐกิจดิจิทัลที่มีความดุเดือดมากยิ่งขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ Gojek เองก็ได้มีการขยายเข้าสู่ธุรกิจ e-commerce ด้วยการประกาศควบรวมกับ Tokopedia ส่วน Grab ได้ขยายสู่บริการทางการเงิน และเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐผ่าน SPAC
อ้างอิง Bloomberg
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด