Co-Founder คนสำคัญของ Google อย่าง Sergey Brin คาดการบูมของ AI จะทำให้เกิด "ยุคเรเนสซองส์ของวงการเทคโนโลยี" ทำให้เห็นแอปพลิเคชันที่เข้าถึงสังคมสมัยใหม่ได้มากขึ้น เชื่อหลังจากนี้จะเกิดความท้าทายสำหรับ AI ในหลาย ๆ ด้านมากขึ้น
Sergey Brin ในฐานะ Co-Founder ของ Google และเป็นประธานบริษัท Alphabet (บริษัทแม่ของ Google) จะมีการออก Founders’ Letter ทุกปี โดยปีนี้จดหมายจะมีชื่อว่า "2017 Founders’ Letter" โดยได้ออกเผยแพร่สู่สาธารณะออกเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
Brin เริ่มจดหมายด้วยการ Quote เอาข้อความจาก A Tale of Two Cities ของ Charles Dickens นักประพันธ์ชาวอังกฤษขึ้นมา ท่อนแรกระบุว่า “It was the best of times, it was the worst of times.” (มันเคยเป็นเวลาที่เยี่ยมที่สุด มันเป็นเวลาที่แย่สุด)
เขาเล่าว่าเมื่อพลังของการคำนวณขยายออกไปตั้งแต่ Google ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1998 และมองกลับไปในวันเวลานั้น ผู้คนต่างก็คิดว่าเทคนิคต่าง ๆ ในวิชา Computer Science จะกลายเป็นสิ่งที่ถูกลืมไปในที่สุด ตรงกันข้ามมันกลายมาเป็นแกนหลักให้กับสิ่งร่วมสมัยอย่าง AI หรือ Neural Networks เป็นที่เรียบร้อย
Brin ยังเตือนเป็นนัย ๆ ว่า "ฤดูใบไม้ผลิรอบใหม่ของ AI เป็นการพัฒนาที่มีนัยสำคัญที่สุดในการประมวลผลของชีวิตผม" "ทุกเดือน เราตื่นเต้นกับเครื่องมือใหม่ ๆ และเทคนิคต่าง ๆ ที่สามารถพลิกแพลงได้อยู่ตลอด" แต่เขาก็กล่าวเพิ่มเติมว่า Alphabet ก็ต้องมาจริงจังกับประเด็นของ AI ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น เช่น AI มีผลกระทบต่อการจ้างแรงงานอย่างไร? ความท้าทายในการสร้าง Algorithm ที่ไม่อคติ-โปร่งใส่ และความกลัวต่อเทคโนโลยีที่จะเข้ามาควบคุมผู้คน
Sergey Brin : ถึงเครื่องมือจะทรงประสิทธิภาพขนาดไหน มันก็จะมีความคำถามใหม่ ๆ และความรับผิดชอบใหม่ ๆ เกิดขึ้นมา
รวมถึงยังระบุว่าวิวัฒนาการ Machine Learning เมื่อสิบปีที่แล้ว ปัจจุบันถูกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว โดย Brin ลำดับสิ่งที่ Alphabet และ Google ใช้ AI เข้ามาเพิ่มความสามารถให้บริการต่าง ๆ ได้ เช่น
ซึ่งเขาเชื่อว่าการเข้ามาของ AI จะทำให้เกิด "ยุคเรเนสซองส์ของวงการเทคโนโลยี" ทำให้เราเห็นแอปพลิเคชันที่เข้าถึงสังคมสมัยใหม่ได้มากขึ้นอีกด้วย
ยุคเรเนสซองส์ (Renaissance) เป็นยุคที่ต่อจากยุคกลาง หลังจากที่บ้านเมืองในทวีปยุโรปตกอยู่ในความทรุดโทรม ขาดการบำรุงรักษามาเป็นระยะเวลานาน ซึ่งในยุคเรเนสซองส์ชาวยุโรปเริ่มให้ความสนใจหันกลับมาฟื้นฟูพัฒนาบ้านเมืองใหม่ เพื่อให้มีความรุ่งเรืองเหมือนในยุคกรีกและโรมัน ได้มีการนำเอาศิลปะวิทยาที่ดีในอดีตกลับมาใช้พัฒนาใหม่
จนทำให้มีการเรียกชื่อยุคเรเนสซองส์อีกชื่อหนึ่งว่า “ยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยา” ซึ่งมีความหมายว่า การเกิดใหม่ (Rebirth)
ผู้คนในยุคเรเนสซองส์ เชื่อในเรื่องเหตุผลมากขึ้น แสวงหาข้อเท็จจริง เลิกเชื่อผู้นำศาสนาจักรอย่างงมงาย แสวงหาความสุข ความสวย ความงาม ความโอ่อ่า ยอมรับความจริงของชีวิตกับธรรมชาติ สนใจเรื่องกายวิภาค มิติสัมพันธ์ การจัดองค์ประกอบ สิ่งต่างๆเหล่านี้ได้สะท้อนออกมาทางงานสถาปัตยกรรม สิ่งก่อสร้าง ผลงานทางศิลปะ ผลงานทางดนตรี วรรณกรรม และการค้นพบทางวิทยาศาสตร์
ผู้มีฐานะทางสังคม พ่อค้า ขุนนาง เริ่มให้ความสนใจกับผลงานทางศิลปะดนตรีมากขึ้น
... ไม่รู้คำว่ายุคเรเนสซองส์ ของ Sergey Brin จะตรงกับเทคโนโลยียุคนี้มากน้อยแค่ไหน ...
แต่ Brin ก็พบว่า AI มีปัญหาและความเสี่ยงอีกหลายอย่างให้เห็นเช่นกัน ซึ่งมีตั้งแต่ระดับความกลัวว่า AI จะเหมือนในภาพยนตร์แบบ Sci-Fi จนไปถึงเรื่องของความแม่นยำในการใช้งานรถยนต์ไร้คนขับ และทุกอย่างไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ Brin พาเรากลับมายังโลกแห่งความเป็นจริงโดยถามว่า "เครื่องมืออันทรงพลังจะจัดการผู้คนได้อย่างไร? และมีความปลอดภัยมากพอหรือไม่?"
เขากล่าวปิดท้ายในจดหมายว่า “ผมมองโลกในแง่บวกเกี่ยวกับศักยภาพของการนำเทคโนโลยีมาใช้แก้ปัญหา พวกเราอยู่บนเส้นทางที่ต้องก้าวเดินทางด้วยความรับผิดชอบอย่างยิ่งยวด ใส่ใจ และอ่อนน้อมถ่อมตน”
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด