Telenor นำโดย Sigve Brekke ประกาศจัดตั้งทีมงานดูแลด้าน Mobile Advertising ในตลาดเอเชียโดยตรง หลังจากที่เล็งเห็นว่ามีการเติบโตสูง และพร้อมเข้าซื้อกิจการธุรกิจ Startup เพื่อเสริมแกร่ง Mobile Advertising
หลังจากที่ผู้ให้บริการสื่อสารโทรคมนาคมหลายรายเจอสภาวะความท้าทายในธุรกิจรูปแบบเดิม โดยเฉพาะโอกาสทางธุรกิจที่ถูกกลุ่ม Digital content provider เข้ามายึดหาดอย่าง Netflix, Spotify, Facebook, LINE และอื่นๆ อีกมากมาย โดยนอกจากกิน Bandwidth อย่างหนักแล้ว ทางผู้ให้บริการไม่ได้อะไรเพิ่มจากตรงนั้น หนึ่งในกลยุทธ์ที่ Telenor กำลังตอบโต้กลับโดยเฉพาะในตลาดที่กำลังพัฒนา และมีผู้เริ่มใช้สมาร์ทโฟนอย่างเอเชียคือ การโฟกัสเรื่อง Mobile Advertising อย่างชัดเจนอีกครั้ง
Sigve Brekke กล่าวกับ Reuter ว่า ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือกำลังถูกจับตาและต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อที่จะก้าวต่อไป โดยล่าสุดในข่าวกล่าวว่า Telenor เข้าซื้อกิจการ Tapad บริษัท Startup ในนิวยอร์คที่ก่อตั้งโดยชาวนอร์เวย์ด้วยมูลค่า 360 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตั้งแต่ช่วงต้นปีเพื่อนำเสนอโฆษณาให้ตรงตามความสนใจของผู้ใช้คนนั้นๆ และแยกออกมาเป็นอีกหน่วยงานสำหรับเจาะตลาดในเอเชียโดยเฉพาะ นอกจากนี้ด้วยเทคโนโลยีดังกล่าวจะช่วยให้ได้ insight ของผู้ใช้ที่เกิดจาก cross-device อีกด้วย
ปัจจุบัน Telenor มีผู้ใช้กว่า 211 ล้านรายทั่วเอเชีย แสกนดิเนเวีย และยุโรปบางส่วน โดย 90% ของผู้ใช้ส่วนใหญ่มาจาก 6 ประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะ บังกลาเทศ ปากีสถาน และไทย ในปี 2015 ธุรกิจดิจิทัลอาทิ สายโฆษณาและบริการด้านการเงินยังสร้างรายได้เพียงแค่ 2% ของทั้งเครือ
นอกเหนือจากการเข้าซื้อ Tapad แล้ว บริษัท Telenor ยังตั้งบริษัทร่วมทุนกับ Schibsted จากนอร์เวย์ดูแล online classified ads ในเอเชียและลาตินอเมริกา โดยดูแลทั้งในส่วนขอธนาคารและธุรกิจการเงินในเซอร์เบียลและปากีสถานอีกด้วย
สำหรับตลาด mobile advertising นั้นมีรายได้อยู่ที่ 100 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2016 และถือเป็น 16.5% ของยอดการจ่ายเงินผ่านทางมีเดียทั้งหมด ซึ่ง 2 ใน 3 ของรายได้มาจากตลาดสหรัฐฯ จีน และอังกฤษ ในขณะที่ประเทศอย่างอินเดียและอินโดนีเซียกำลังเติบโตขึ้นอย่างน้อย 2 เท่าในทุกๆ ปี - ข้อมูลการคาดการณ์จาก eMarketer
"DUMB PIPE" การเปรียบเทียบอย่างเจ็บปวดของ Sigve "ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือจะเลือกเป็นแค่ท่อ หรือจะพยายามวาง position ในตลาดดิจิทัลที่ใหญ่ขึ้น" เขาคาดหวังว่ารายได้ประจำปีจะเติบโตขึ้น 1% ในส่วนของโครงข่าย และ 20-30% ในส่วนของดิจิทัล
Sigve อย่างกล่าวอีกว่า "คำถามสำคัญคือจะไปไกลแค่ไหนในสาย segment นี้ เราคงไม่ทำอะไรที่เหมือนกับคู่แข่งของเราที่ไปเน้น position ตลาดทางด้านคอนเทนต์อย่าง มิวสิคสตรีมมิ่ง หรือวีดีโอสตรีมมิ่ง เพราะนั่นไม่ใช่เรา"
อย่างไรก็ตามเค้าคาดว่าจะเข้าซื้อกิจการธุรกิจขนาดเล็กเพื่อจะเสริมความแข็งแกร่งให้กับ Mobile Advertising แต่ไม่ได้ถึงกับมีดีลยักษ์ใหญ่อะไรในขณะนี้
ที่มา: Reuters
มุมมองกองบรรณาธิการ
เป็นหนึ่งในปัญหาเรื้อรังมานานว่า ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือจะทำอย่างไร หลังจากมีการปฏิวัติครั้งใหญ่ด้วยเครื่องสมาร์ทโฟนที่ปลดล็อคให้บริการเสริมต่างๆ (Value Added Service) bypass ไม่ผ่านผู้ให้บริการโครงข่าย ใครๆ ก็โหลดเล่นได้ผ่าน Appstore ทำให้ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือเป็นเสมือนเพียงแค่ท่อ ยกรายได้ส่วน Application & Service Layer ออกไป ซ้ำร้ายพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปที่ต้องการเสพคอนเทนต์ที่สูบ Bandwidth อย่างหนัก ก็ต้องมาคอยลงทุน Network เพื่อรองรับ จนช่วงนึงต้องออกมาทำความเข้าใจแก่ผู้บริโภคว่าทำไมต้องมี Fair Usage Policy (FUP) เราได้เห็นความพยายามของยักษ์ใหญ่ในการสร้างความแตกต่าง บ้างก็หาพาร์ทเนอร์ด้านคอนเทนต์ บ้างก็ผลิตบริการใหม่ๆ ขึ้นมาเอง ซึ่งในตลาดโลกเราก็ยังไม่เห็นผู้ให้บริการรายใดสามารถ Disrupt แล้วแก้จุดนี้ได้อย่างชัดเจน การจับมือร่วมกับ Startup ก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่เราเห็นภาคธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมกระโดดเข้ามาก่อนภาคธุรกิจอื่นในช่วง 5-6 ปีหลัง เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ไม่เอาเรือไปขวาง กระแสน้ำที่เชี่ยวกราด และต้องโตไปกับมันให้ได้
สำหรับใครที่สนใจข้อมูลโมเดลองค์กรขนาดใหญ่ทำงานร่วมกับ Startup อย่างไรได้บ้าง เราเคยสรุปไว้แล้วในบทความนี้
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด