มิจฉาชีพ แก๊งคอลเซนเตอร์ หลอกโอนเงิน บัญชีม้า สิงคโปร์เตรียมใช้โทษเฆี่ยนลงโทษอาชญากรรมประเภทสแกม (scam) เนื่องจากอาชญากรรมประเภทนี้สร้างความเสียหายรุนแรง และในปี 2024 มูลค่าความเสียหายจากการโกงสูงเป็นประวัติการณ์
ดร.ตัน อู๋ เมิ่ง เสนอใช้โทษเฆี่ยนกับอาชญากรรมประเภทนี้ เธอระบุว่า ปัจจุบันบทลงโทษหนักของคดีโกงคือ โทษจำคุก แต่ทว่าอาชญากรรมเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชนอย่างมาก โดย ดร.ตัน ยกตัวอย่างเคสของผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกหลอกจนเสียเงินเก็บทั้งชีวิต ส่งผลให้เธอเสี่ยงล้มละลายและอาจตกงาน
นอกจากนี้ ดร.ตัน ยังตั้งข้อสังเกตว่าปัจจุบัน โทษสำหรับแก๊งเงินกู้นอกระบบ (loan shark) กับแก๊งโกงเงิน (scammer) มีความแตกต่างกันมาก
ถ้าเป็นคนช่วยแก๊งเงินกู้นอกระบบ
แต่ถ้าเป็นแก๊งโกงเงินออนไลน์
ซึ่งเห็นได้ชัดว่า คนที่ช่วยแก๊งปล่อยเงินกู้ผิดกฎหมาย แค่โอนเงิน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ก็อาจถูกเฆี่ยน แต่พวกแก๊งโกงออนไลน์ ที่โกงเงินเหยื่อ 100,000 ดอลลาร์สหรํฐฯ กลับไม่ถูกเฆี่ยน จนเกิดคำถามว่า กฎหมายปัจจุบันเข้มงวดกับพวกโกงเงินเพียงพอหรือไม่ ? และยืนยันว่า ต้องมีบทลงโทษที่แรงพอจะทำให้พวกนี้เกรงกลัว "ถ้ามาโกงเงินคนสิงคโปร์ ก็ต้องเจอบทลงโทษที่สาสม" ดร.ตัน กล่าว
จากรายงานของตำรวจสิงคโปร์เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2024 พบว่า ความเสียหายจากการหลอกลวงในปีที่ผ่านมาสูงถึง 1.1 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เป็นครั้งแรกที่ยอดความเสียหายจากการหลอกลวงทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ในปีเดียว
โดยนับตั้งแต่ปี 2019 ประชาชนสูญเสียเงินจากการหลอกลวงรวมกันกว่า 3.4 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์
เพื่อรับมือกับปัญหานี้ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2024 คณะกรรมการให้คำแนะนำด้านโทษ (Sentencing Advisory Panel) ได้เสนอให้เพิ่มโทษจำคุกขั้นต่ำ 6 เดือนสำหรับผู้ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางโอนเงินให้แก๊งหลอกลวง ซึ่งเข้มงวดกว่ากฎปัจจุบันที่ให้เลือกลงโทษเป็นค่าปรับหรือจำคุก
ซัน ซวี่หลิง รัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย เผยว่า ทางการได้ใช้มาตรการป้องกันการใช้ ซิมการ์ดปลอม ที่ถูกใช้ในแก๊งโกงเงินเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากทางการ
ตั้งแต่ 1 มกราคม 2024 เป็นต้นมา มีกฎหมายใหม่ที่กำหนดให้ การลงทะเบียนซิมการ์ดเพื่อขายต่อ การถือซิมการ์ดจำนวนมากโดยไม่มีเหตุผล หรือการขายซิมการ์ดที่จดทะเบียนในชื่อคนอื่นเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
หากซิมการ์ดถูกนำไปใช้ก่ออาชญากรรม ผู้กระทำผิดอาจถูกจำคุกสูงสุด 3 ปี ปรับสูงสุด 10,000 ดอลลาร์ หรือทั้งจำทั้งปรับ
นอกจากนี้ ในปี 2025 กระทรวงมหาดไทยจะเข้มงวดกับ money mule มากขึ้น โดยจะให้ตำรวจแชร์ข้อมูลกับธนาคารเกี่ยวกับบัญชีที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย เพื่อช่วยให้สถาบันการเงินสามารถตรวจสอบบัญชีอื่นที่เกี่ยวข้องได้
รัฐบาลสิงคโปร์กำลังเพิ่มแรงกดดันให้ Telegram ออกมาตรการเข้มงวดขึ้นในการป้องกันการโกงเงินและอาชญากรรมออนไลน์ หลังพบว่ามิจฉาชีพใช้แพลตฟอร์มนี้เป็นช่องทางหลอกลวงเหยื่อ โดยอาศัยฟังก์ชันปิดบังตัวตน
นางซัน ซวี่หลิง รัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย แสดงความกังวลเกี่ยวกับ การที่ Telegram กลายเป็นแหล่งรวมมิจฉาชีพ โดยในปี 2024 จำนวนคดีโกงผ่านแพลตฟอร์มนี้ เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า จึงได้มีการเรียกร้องให้ Telegram ออกมาตรการตรวจสอบตัวตนที่เข้มงวดขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้มิจฉาชีพสร้างบัญชีใหม่ได้ง่ายๆ และใช้แพลตฟอร์มเป็นช่องทางก่ออาชญากรรม
หาก Telegram ยังไม่ดำเนินการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง รัฐบาลสิงคโปร์อาจใช้มาตรการทางกฎหมายเพื่อบังคับให้แพลตฟอร์มให้ความร่วมมือ "ไม่ใช่แค่สิงคโปร์ที่เจอปัญหานี้ Telegram ถูกใช้เป็นช่องทางแพร่กระจาย ยาเสพติดและสื่อลามกที่ไม่ได้รับอนุญาต ในหลายประเทศถ้าจำเป็นสิงคโปร์อาจต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อปกป้องประชาชน"
รัฐบาลยังคงจับตาดูแพลตฟอร์มนี้อย่างใกล้ชิด และพร้อมดำเนินการหากพบว่ามีการใช้ Telegram เป็นเครื่องมือก่ออาชญากรรมที่สร้างความเสียหายให้กับประชาชนสิงคโปร์
สิงคโปร์คุมเข้มแพลตฟอร์มออนไลน์และอีคอมเมิร์ซ หลังพบปัญหาเพจปลอมและมิจฉาชีพระบาด
ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2024 รัฐบาลสิงคโปร์ได้ออกกฎระเบียบใหม่ เพื่อบังคับให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและอีคอมเมิร์ซ ต้องเพิ่มมาตรการป้องกันการโกงเงิน หลังจากพบว่ามิจฉาชีพใช้ช่องทางออนไลน์ในการหลอกลวงประชาชนมากขึ้น
มาเรียม จาฟาร์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากเขต เซมบาวัง เปิดเผยว่า Facebook ปฏิเสธที่จะลบเพจปลอมที่แอบอ้างเป็นเธอ โดยให้เหตุผลว่าไม่ได้มีการละเมิดนโยบายของแพลตฟอร์ม "ประชาชนแจ้งว่าพวกเขาได้รับข้อความจากเพจปลอมของฉัน ขอข้อมูลส่วนตัว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวล" พร้อมตั้งคำถามว่าแพลตฟอร์มออนไลน์ให้ความร่วมมือเพียงพอหรือไม่ในการจัดการปัญหานี้
ซัน ซวี่หลิง รัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย ระบุว่า แพลตฟอร์ม Carousell และ Meta (บริษัทแม่ของ Facebook) ได้เริ่มใช้มาตรการตรวจสอบตัวตนที่เข้มงวดขึ้น โดยเฉพาะกับ ผู้ขายที่มีความเสี่ยงสูง
ผลลัพธ์ที่ได้คือ อัตราการโกงลดลง ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2024
รัฐบาลยืนยันว่าจะยังคงใช้มาตรการที่เข้มงวดเพื่อป้องกันมิจฉาชีพ เพราะอาชญากรเหล่านี้มีเครือข่ายขนาดใหญ่ และปรับเปลี่ยนกลโกงอยู่ตลอดเวลา
ซัน ซวี่หลิง กล่าวว่า รัฐบาลจะดำเนินการเชิงรุกเพื่อต่อสู้กับการโกงออนไลน์ และเตรียมออกมาตรการเพิ่มเติม หากแพลตฟอร์มออนไลน์ยังไม่ให้ความร่วมมือมากพอในการป้องกันอาชญากรรมบนโลกดิจิทัล
อ้างอิง: straitstimes
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด