มาตรการหนึ่งที่รัฐบาลในหลายประเทศเริ่มประกาศใช้เพื่อช่วยชะลอการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 คือ Social distancing หรือการให้คนในสังคมเว้นระยะห่างระหว่างกัน โดยให้อยู่ห่างกันอย่างน้อย 1-2 เมตร ให้หลีกเลี่ยงสถานที่สาธารณะ การเข้าร่วมงานที่มีการรวมตัวของคนจำนวนมาก รวมถึงการส่งเสริมให้คนทำงาน Work from home
ข้อสำคัญที่สุด คือการหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้คน ไม่ว่าจะเป็นการจับมือทักทาย หรือการทานอาหารร่วมกัน ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีที่คนติดต่อกันได้ง่ายที่สุด
แม้ Social distancing จะไม่ใช่ทางแก้ปัญหา 100% แต่ก็ถือเป็น tool สำคัญที่สุดในตอนนี้ที่คนทั่วไปจะสามารถทำได้เพื่อลดการแพร่ระบาดของโรคในช่วงที่ยังไม่มีวัคซีนสำหรับรักษา COVID-19 ออกมา
อย่างไรก็ตาม มีรายงานในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าแม้รัฐบาลสิงคโปร์จะได้ออกมาตรการคุมเข้มนี้ แต่ดูเหมือนจะยังเป็นเรื่องยากที่จะควบคุมให้ผู้คนปฎิบัติตาม
ชาวสิงคโปร์ยังคงไปจับจ่ายใช้สอยและซื้อของจากร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า และที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตกันเช่นเดิม โดยหนึ่งในแม่บ้านวัย 40 ปี ให้ความเห็นต่อ The Straits Times ว่า “ฉันพยายามเลี่ยงการไปจุดที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและสนามบิน แต่ฉันคงหลีกเลี่ยงการไปห้างสรรพสินค้าไม่ได้ เพราะว่าฉันต้องซื้อของและอาหารเข้าบ้าน ตอนนี้มันมาถึงจุดที่อยู่แต่บ้านไม่ได้แล้ว พวกเด็ก ๆ ก็เริ่มรู้สึกอุดอู้”
มาตรการ Social distancing ของสิงคโปร์นั้น มีการแนะนำให้ยกเลิกหรือเลื่อนทุกการแสดง การแข่งขันกีฬา และงานที่มีคนรวมตัวมากกว่า 250 คนขึ้นไปทั้งหมด ไม่เว้นพิธีกรรมทางศาสนา ที่ห้ามให้มีผู้เข้าร่วมเกิน 250 คนเช่นกัน
ทางการยังแนะนำให้เจ้าของสถานที่ที่จัดกิจกรรมต่าง ๆ หรือเจ้าของร้านอาหารช่วยเพิ่มมาตรการป้องกันเท่าที่ทำได้ เช่น การวางเก้าอี้นั่งให้ห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร การจำกัดจำนวนผู้เข้าชมตามสถานบันเทิงหรือสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ เช่น คาสิโน โรงหนัง และ สวนสนุก
อย่างไรก็ตาม เรายังเห็นชาวสิงคโปร์ออกมาทานอาหารนอกบ้านอย่างปกติ โดยเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ศูนย์อาหารของ Ikea Tampines ก็เต็มไปด้วยผู้คนที่ยืนใกล้ชิดกันเช่นเดิม ซึ่งเจ้าของร้านอาหารหลายคนก็ยอมรับว่า มันเป็นเรื่องยากที่จะบังคับไม่ให้คนนั่งตามโต๊ะอาหารโดยเฉพาะช่วงเวลาอาหารกลางวัน
ขณะที่ศูนย์อาหารบางแห่ง เช่น Sembawang Food Centre ได้มีการนำเทปสีแดงมาติดคาดที่เก้าอี้บางตัว เป็นสัญลักษณ์ไม่อนุญาตให้คนมานั่ง เพื่อเว้นระยะห่างระหว่างลูกค้าแต่ละคน
เจ้าของร้านอายุ 65 ปี กล่าวว่า “มันคือความรับผิดชอบต่อสาธารณะ ในเมื่อรัฐออกข้อแนะนำมาแล้ว ทำไมเราถึงต้องไม่ปฎิบัติตาม”
อ้างอิง The Straits Times
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด