เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา ทาง Integrated Health Information Systems (IHIS) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐด้านไอทีที่เกี่ยวกับสาธารณสุขของสิงคโปร์ อยู่ในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุข (MOH) ของประเทศสิงคโปร์ ตรวจพบความผิดปกติในระบบของ SingHealth จึงเพิ่มมาตรการความปลอดภัยและเริ่มตรวจสอบ
หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2561 การตรวจสอบยืนยันว่าความผิดปกติที่พบเป็นการโจมตีของแฮกเกอร์ (Cyber Attack) โดยมีการขโมยข้อมูลผู้ป่วยเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 27 มิถุนายน ถึง 4 กรกฎาคม 2561
12 กรกฎาคม 2561 SingHealth ได้แจ้งความกับตำรวจเป็นที่เรียบร้อย
โดยผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบ คือ ผู้ป่วยในสิงคโปร์ราว 1,500,000 คน ที่เคยเข้ารับบริการที่ Specialist Outpatient Clinics และ Polyclinics ของ SingHealth ตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2558 ถึง 4 กรกฎาคม 2561
ส่วนข้อมูลที่ถูกขโมยไป คือ ข้อมูล Demographics ได้แก่ ชื่อ, หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน (National Registration Identity Card หรือ NRIC Number), ที่อยู่, เพศ, วันเกิด
แต่ในบรรดาข้อมูล 1,500,000 คนนี้ มีข้อมูลของผู้ป่วยราวๆ 160,000 คน (ซึ่งรวมถึงนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ 'ลี เซียนลุง') ถูกขโมยข้อมูลการสั่งยาจาก OPD ไปด้วย
แต่ข้อมูลอื่นๆ เช่น การวินิจฉัยโรค ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ หรือบันทึกของแพทย์ (นอกเหนือจาก Demographics และข้อมูลยา) ไม่ถูกขโมยไปด้วย และไม่มีการแก้ไขข้อมูลประวัติผู้ป่วยในระบบ รวมทั้งไม่ส่งผลทำให้ระบบใช้งานไม่ได้ จึงไม่กระทบต่อการให้บริการผู้ป่วย
รายงานระบุว่า การโจมตีครั้งนี้มีเจตนาขโมยข้อมูลของนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์โดยตรง โดยเป็นการโจมตีที่จำเพาะเจาะจงและทำซ้ำหลายครั้ง จึงเชื่อว่า Hacker มีความชำนาญสูง และน่าจะมีทรัพยากรสนับสนุนมากพอสมควร
จากรายงานข่าวระบุว่า มีการใช้การโจมตีในรูปแบบที่ชื่อว่า Advanced Persistent Threat (APT) ที่ Hacker สามารถแฮ็กเครื่อง Front-End Workstation หน้างาน จากนั้นจึงใช้เครื่องดังกล่าวหาทางเข้าถึงฐานข้อมูลกลางใน Server ที่มีข้อมูลผู้ป่วย จนสามารถขโมยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวได้
ซึ่งเป็นอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ประเภทหนึ่งมีเป้าหมายเพื่อโจมตีหน่วยงานที่มีข้อมูลสำคัญ โดยผู้ที่แฮกเกอร์นั้นจะเป็นรัฐบาลของประเทศใดประเทศหนึ่งและใช้เครื่องมือที่มีความก้าวหน้าอย่างมาก
การโจมตีครั้งนี้ ท้าทายสิงคโปร์เป็นอย่างมาก เพราะสิงคโปร์เป็นประเทศมีการเชื่อมต่อกันทั้งในประเทศและระหว่างประเทศอย่างกว้างขวาง รวมถึงได้มีการประกาศขับเคลื่อนไปสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลของข้อมูลและการบริการต่างๆ เช่น อนุญาตให้โรงพยาบาลรัฐและคลินิกสามารถแชร์ข้อมูลทางสุขภาพของคนไข้ร่วมกันได้ผ่านฐานข้อมูลส่วนกลาง
แม้สิงคโปร์จะเป็นประเทศที่มีกองทัพที่ทันสมัยสุดประเทศหนึ่งในภูมิภาคนี้ แต่รัฐบาลสิงคโปร์ก็ยอมรับว่า ต้องรับมือกับการโจมตีทางไซเบอร์นับพันครั้งต่อวัน ซึ่งมีตั้งแต่ Hacker ระดับมือสมัครเล่นไปจนถึงระดับมืออาชีพที่ได้รับการสนับสนุนด้วย
และการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่นี้อาจทำให้สิงคโปร์เสียหน้า แต่นายกฯ ลี เซียนลุง บอกผ่าน Facebook ส่วนตัวว่า “We cannot go back to paper records and files. We have to go forward, to build a secure and smart nation.”
แปลเป็นไทยก็คือ... ถึงอย่างไรเราก็จะไม่กลับไปหาการบันทึกด้วยกระดาษและแฟ้มแล้ว เราต้องเดินหน้า สร้างความมั่นคงปลอดภัย และสร้าง Smart Nation ให้เกิดขึ้นต่อไป
อ้างอิงข้อมูลจาก Lee Hsien Loong Facebook Page, StraitsTimes (1) (2), ChannelNewsAsia และ TodayOnline
นพ.นวนรรน ธีระอัมพรพันธุ์ อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะ
นอกจากนี้ นพ.นวนรรน ยังให้คำแนะนำแก่ Healthcare Sector ไทย ไว้ดังนี้
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด