สรุปเหตุการณ์ Stop Hate For Profit เมื่อ Facebook ถูกแบรนด์ดังถอนโฆษณา | Techsauce

สรุปเหตุการณ์ Stop Hate For Profit เมื่อ Facebook ถูกแบรนด์ดังถอนโฆษณา

#stophateforprofit แฮชแท็กที่กำลังมาเเรงสะเทือนวงการธุรกิจโฆษณาบนสื่อ Social Media ที่เกิดจากการเรียกร้องถึงความรับผิดชอบต่อการโพสต์คำพูดรวมถึงเนื้อหาที่มีความรุนเเรงบนโลกออนไลน์จนสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้น  เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา องค์กรด้านสิทธิพลเมืองหลายแห่ง รวมทั้ง Color of Change, NAACP และ Anti-Defamation League ได้ร่วมกันสร้างโครงการ “Stop hate for profit” หรือ "หยุดสร้างความเกลียดชังเพื่อผลกำไร" 

เพื่อเรียกร้องให้เเพลตฟอร์มชื่อดังอย่าง Facebook, Instagram หันมาป้องกันเนื้อหาที่สร้างความรุนเเรงจนกลายเป็นการสร้างความเกลียดชัง รวมถึงการมีมาตรการรองรับในเรื่องนี้ โดยขอให้บริษัทและเเบรนด์ต่าง ๆ ระงับการลงโฆษณาในสื่อ Facebook และ Instagram ตลอดเดือนกรกฎาคม ซึ่งที่ผ่านมาเเพลตฟอร์มชื่อดังอย่าง Facebook, Instagram  ยังไม่มีมาตรการจัดการกับเรื่อง Hate Speech ทำให้หลายเเบรนด์ดังทั่วโลกต่างเข้าร่วมหยุดการจ่ายเงินให้โฆษณาบน Facebook, Instagram ชั่วคราวจนกว่าจะมีมาตรการจัดการ Hate Speech 

ในตอนนี้มีแบรนด์ชั้นนำ อาทิ Verizon, Patagonia, REI, Lending Club, Dockers , Levi’s รวมถึง The North Face นอกจากนี้ยังมีบางส่วนที่ได้เริ่มทยอยออกมาสนับสนุนการเรียกร้องมาตรการนี้จาก Facebook, Instagram อย่างเป็นทางการ และล่าสุดกับเเบรนด์กาเเฟชั้นนำระดับโลกอย่าง Starbucks ที่ได้เข้าร่วมกับ #stophateforprofit โดยการหยุดจ่ายเงินโฆษณา

Credit : time.com

ทั้งนี้การหยุดซื้อโฆษณาบน  Facebook, Instagram จะอยู่ในรูปแบบการกำหนดระยะเวลาโดยหยุดซื้อโฆษณาเพื่อดูท่าทีของ Facebook, Instagram ว่าจะมีมาตรการออกมารับผิดชอบเรื่องเนื้อหาสร้างความเกลียดชัง และมาตรการป้องกันหรือไม่  บางเเบรนด์อาจไม่ได้ประกาศตัวอย่างเป็นทางการแต่ร่วมงดจ่ายเงินซื้อโฆษณาบน Social  ในระยะเวลา 30 วัน อาทิ Coca-Cola และ Unilever ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์อย่าง Dove, Ben & Jerry’s และ Hellmann’s  ที่ได้หยุดการซื้อโฆษณาบน Facebook, Instagram 

นอกจากการหยุดซื้อโฆษณาบางเเบรนด์เลือกที่จะเข้าร่วมเรียกร้องมาตรการดังกล่าวด้วยการลดค่าใช้จ่าย หรือ งบในการลงโฆษณาบน Facebook, Instagram จนถึงสิ้นปีนี้อย่างเเบรนด์ Hershey’s  เรียกได้ว่าเหตุการครั้งนี้คงสร้างผลกระทบไม่น้อยให้กับ Facebook, Instagram ซึ่งมีรายได้หลักส่วนหนึ่งเกิดจากการซื้อโฆษณาจากเเบรนด์ต่างๆ 

ข้อมูลจาก colorofchange.org, cnbc.com, time.com

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

พาสปอร์ตสิงคโปร์ ครองแชมป์พาสปอร์ตทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ปี 2025

พาสปอร์ตสิงคโปร์ครองอันดับ 1 ใน Henley Passport Index 2025 ด้วยสิทธิ์เดินทางไร้วีซ่า 195 ปลายทาง สะท้อนความแข็งแกร่งด้านเศรษฐกิจ การเมือง และการทูตระดับโลก...

Responsive image

ส่องแผน UK ปั้นประเทศอย่างไร ให้กลายเป็นมหาอำนาจ AI โลก

Keir Starmer นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักร ได้ออกมาประกาศถึงความต้องการที่จะทำให้ UK กลายเป็น ‘มหาอำนาจ’ ด้านปัญญาประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ เพื่อสร้างความก้าวหน้า ความมั่นคั่ง และทำให้ A...

Responsive image

Xiaohongshu คือแอปฯ อะไร? ทำไมชาวเมกันถึงหันไปใช้ หลัง TikTok ส่อแววโดนแบนในสหรัฐ

ท่ามกลางกระแสข่าวเรื่องการแบน TikTok ในอเมริกาวันที่ 19 มกราคมนี้ ทำให้แอปวีดีสั้นจากจีนที่ชื่อว่า Xiaohongshu หรือที่รู้จักกันในชื่อ RedNote ได้รับความนิยมพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ...