หอการค้า ร่วมกับ 40 CEO ระดมกำลังช่วยรัฐบาลจัดหาวัคซีนป้องกัน COVID-19 | Techsauce

หอการค้า ร่วมกับ 40 CEO ระดมกำลังช่วยรัฐบาลจัดหาวัคซีนป้องกัน COVID-19

เอกชนพร้อม ! หอการค้าไทยร่วมมือกับ 40 CEO จากทุกกลุ่มธุรกิจในไทย ช่วยกันระดมกำลัง วางแผนจัดหาวัคซีนป้องกัน COVID-19 เพื่อช่วยเหลือรัฐบาล เร่งฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชน  

สรุปผลการประชุม แผนการฉีดวัคซีนป้องกัน COVID-19ระหว่างคณะกรรมการหอการค้าไทยกับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร(CEO) 

1. ประชุม CEO ทุกบริษัทเห็นตรงกันว่าขณะนี้ประเทศไทยได้รับการฉีดวัคซีนไปเพียง 0.4% ของประชากรเท่านั้น ซึ่งถือว่าล่าช้ามากสำหรับการที่จะเปิดประเทศที่จะต้องฉีดให้ได้ถึง 70% ของประชากร โดยภาครัฐจำเป็นต้องจัดหาวัคซีนให้เพียงพอกับทุกคน ซึ่งภาคเอกชนพร้อมที่จะร่วมกันวางแผนการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด 19 ของภาคเอกชนและการจัดหาวัคซีนทางเลือกให้เพียงพอ เพื่อสนับสนุนให้สามารถเปิดประเทศได้รวดเร็ว

2. ตามแผนการจัดหาวัคซีนของภาครัฐที่กำลังจะได้วัคซีนล็อตใหญ่ ที่เริ่มเข้ามาตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้ จะต้องมีการเตรียมตัว และวางแผนการกระจายวัคซีนให้มีประสิทธิภาพ ภาคเอกชนยินดีช่วยสนับสนุนภาครัฐในการกระจายวัคซีนที่ภาครัฐจัดซื้อมา ให้เกิดประสิทธิภาพและทั่วถึงมากที่สุด โดยจะเริ่มที่ กทม.ก่อน เพื่อเป็นตัวอย่างให้จังหวัดอื่น ๆ พร้อมสนับสนุนให้เอกชนมีส่วนร่วมในการเจรจาซื้อวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติม

3. หอการค้าไทยและภาคเอกชนตั้งเป้าหมายเพื่อสนับสนุนภาครัฐ ของพื้นที่กรุงเทพมหานครไว้ 4 ข้อ ดังนี้

  •  ภายในปี 2564 ต้องบรรลุเป้าหมายการฉีดวัคซีนในกรุงเทพฯ 70% 
  •  บุคลากรทางการแพทย์ที่เป็นด่านหน้าของ กทม. ต้องได้รับการฉีดทั้งหมด 100% ภายในสิ้นเดือนมิถุนายน 
  • เพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการฉีดวัคซีนส าหรับประชาชนทั่วไปในกรุงเทพฯ ต้องให้ได้อย่างน้อย 50,000 โดสต่อวัน โดยภาคเอกชนจะเข้ามาเสริมการทำงานของภาครัฐเพื่อให้ได้เป้าหมาย 
  • จัดทำรูปแบบมาตรฐาน หรือรูปแบบตัวอย่างของภาคเอกชนที่สนับสนุนการฉีดวัคซีนให้กับจังหวัดอื่น ๆ ภายในสิ้นเดือนเมษายนน

4. จากที่ประชุมทางหอการค้าไทยได้แบ่งงานออกเป็น 4 ทีม เพื่อให้สามารถสนับสนุนภาครัฐได้เต็มที่ ดังนี้

TEAM A: Distribution and Logistics ทีมสนับสนุนการกระจายและฉีดวัคซีนช่วยสนับสนุน สถานที่ บุคลากร อาสาสมัคร และอุปกรณ์ IT เช่น คอมพิวเตอร์ ปริ๊นเตอร์ เครื่องอ่านบัตรประชาชน ให้ กทม. เพิ่มจากโรงพยาบาลรัฐและเอกชน ซึ่งตอนนี้ได้มีการเตรียมและไปลงพื้นที่ส ารวจกับ กทม. แล้ว

  •  ในระยะแรกได้มีการจัดเตรียมพื้นที่ ที่เอกชนจะนำร่องไว้ จ านวน 10 พื้นที่ เช่น กลุ่มเซ็นทรัล , SCG , เดอะมอลล์ , สยามพิวรรธน์ , เอเชียทีค , โลตัส , บิ๊กซี , ทรูดิจิตัลพาร์ค, ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นต้น โดยจะสรุปกับ กทม.ภายใน วันที่ 27 เมษายนนี้ 
  •  ในระยะถัดไปจะมีการ ศึกษา และ หารือในการจัดทำหน่วยฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ไปยังจุดต่าง ๆ รวมถึง ใช้พื้นที่ โรงงาน หรือนิคมอุตสาหกรรม เป็นพื้นที่ฉีดวัคซีน ด้วย เพื่อลดการเคลื่อนย้ายของประชาชน โดยมีภาคเอกชนสนใจให้การสนับสนุนหลายแห่ง
  • ได้มีการจัดทำรูปแบบมาตรฐานของพื้นที่เอกชนร่วมกับกรุงเทพฯ สำหรับพื้นที่ ที่รองรับการฉีดได้ทั้ง 2,000คน ต่อวันและ 1,000 คน ต่อวัน เพื่อให้เป็นตัวอย่างให้กับจังหวัดหรือพื้นที่อื่นๆ 

ซึ่งทีมงานนี้ได้มีการมอบหมายให้ คุณญนน์ โภคทรัพย์ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบมจ.เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น และ กรรมการบริหารหอการค้าไทย เป็น หัวหน้าทีมในการประสาน ต่อไป

TEAM B: Communication ทีมการสื่อสาร เพื่อให้ประชาชนเข้าใจและมาฉีดวัคซีนในสถานที่ที่พร้อม เพราะปัจจุบันหลายคนยังไม่เข้าใจเรื่องการฉีดวัคซีน หลายคนไม่ยอมฉีด ดังนั้น ต้องทำความเข้าใจ ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ทั้งนี้ ภาครัฐจะทำระบบ “หมอพร้อม” เสร็จสิ้นในเดือนนี้ ซึ่งจะสามารถระบุสถานที่ต่าง ๆ ที่ลงทะเบียนฉีดวัคซีน 

การจัดคิวการฉีดที่ไม่หนาแน่น หรือลำดับการฉีดที่เหมาะสม โดยได้รับการสนับสนุนจากหลายบริษัท อาสาเป็นทีมงาน ทั้ง Google, LINE, Facebook, VGI, Unilever, TRUE, Lotus, Nestle, Kao, BJC, TCP โดยทีมงานนี้ ได้ให้ Mr.Robert Candelino(Chief Executive Officer) บจก. ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง เป็นหัวหน้าทีมงาน

TEAM C: IT Operation ทีมเทคโนโลยีและระบบ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพการลงทะเบียน ขั้นตอนในการฉีดที่รวดเร็ว และมีระบบการติดตามตัว พร้อมสามารถออกใบรับรองการฉีดวัคซีนได้ โดยมีหลายบริษัท นำทีมโดย IBM เข้ามาสำรวจและปรับปรุงกระบวนการ ร่วมกับ หอการค้าไทย ในการลงพื้นที่กับ ทีมของ กรุงเทพมหานคร โดยจะจัดทำข้อเสนอในการนำเทคโนโลยีมาช่วย โดยทีมงานนี้ ได้ คุณปฐมา จันทรักษ์กรรมการผู้จัดการใหญ่ บจก.ไอบีเอ็ม ประเทศไทย (IBM) เป็นหัวหน้าทีมงาน

TEAM D: Extra Vaccine procurement ทีมจัด หาวัคซีนเพิ่มเติม ร่วมกับภาครัฐและเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชน โดยจะไปสำรวจความต้องการฉีดวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติม เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระของรัฐบาล และทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็วมากขึ้น ทีมงานนี้ นำทีมโดย คุณกลินท์ สารสิน ประธานอาวุโสหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และ ศ.ดร.นพ. เฉลิม หาญพานิชย์นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน 

  •  ในที่ประชุม ภาคเอกชนประเมินว่ายังต้องการวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติมอีก 30 ล้านโดส เพื่อให้ครอบคลุม 70% ของประชากรทั้งประเทศ จากที่ปัจจุบันภาครัฐจัดหามาได้ 63 ล้านโด๊ส
  •  ซึ่งวัคซีนทางเลือก ที่หารือกันนั้น ได้แก่ 1 ประเทศสหรัฐอเมริกา วัคซีน Johnson & Johnson, Moderna และ Pfizer 2. ประเทศจีน วัคซีน Sinopharm และ CanSino Biologics 3. ประเทศอินเดีย วัคซีน COVAXIN จากบริษัท Bharat Biotech และ 4 ประเทศรัสเซีย วัคซีน Sputnik V 
  •  โดยจากการประชุม ภาคเอกชนยินดีที่จะจ่ายค่าวัคซีนให้กับพนักงานของบริษัทรวมแล้วเกือบ 1 ล้านราย (จากการสำรวจความต้องการฉีดวัคซีนเมื่อเดือน มีนาคม 2564) เพื่อแบ่งเบาภาระให้กับรัฐบาล

5. CEO ทุกท่านพร้อมที่จะช่วยภาครัฐ ทั้งการกระจายวัคซีนที่ภาครัฐจัดซื้อมาให้เกิดประสิทธิภาพและทั่วถึงมากที่สุด และพร้อมสนับสนุนให้เอกชนมีส่วนร่วมในการเจรจาซื้อวัคซีนทางเลือกเพิ่มเติม ซึ่งหอการค้าไทยพร้อมที่จะเป็นตัวกลางในการ Connect the dots เพื่อฟื้นเศรษฐกิจไทย โดยที่คนไทยทุกคน ทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมแรงร่วมใจ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน จะทำให้ประเทศไทยฝ่าวิกฤติ COVID-19 ไปได้แน่นอน






ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

คุยนายกฯ พบแฟนเกม สูดหงส์ไทย สรุปภารกิจ Jensen Huang บุกไทยวันแรก

หลังจากเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีการรายงานของ Bloomberg ที่เปิดเผยว่า Jensen Huang มีแผนเยือนประเทศไทยในช่วงเดือนธันวาคม 2024 ล่าสุดวันนี้ (3 ธันวาคม 2024) ซีอีโอของ NVIDIA รายนี้...

Responsive image

เจาะลึก Central ชิดลมโฉมใหม่ หลังทุ่ม 4,000 ล้าน รีโนเวทครั้งใหญ่ สู่ "The Store of Bangkok" เสริฟ์ความลักซูระดับโลก

ห้างเซ็นทรัลชิดลม (Central Chidlom) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล หนึ่งในห้างสรรพสินค้าที่ครองใจนักช้อปชาวไทยและต่างชาติมาอย่างยาวนาน กำลังก้าวสู่บทบาทใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ด้วยการทุ่มง...

Responsive image

Siriraj x MIT Hacking Medicine: จุดประกายนวัตกรรม เพื่อผู้สูงวัยในโลกยุคใหม่

Siriraj x MIT Hacking Medicine ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน จัดงาน Hackathon ต่อยอดนวัตกรรมเพื่อยกระดับการดูแลผู้สูงอายุในประเทศกำลังพัฒนา...