
ในช่วงที่ผ่านมา เกิดกระแสการตั้งคำถามและถกเถียงในวงกว้างเกี่ยวกับคุณภาพของนมในประเทศไทย โดยมีประเด็นหลักที่สร้างความสับสนให้แก่ผู้บริโภค เช่น “นมในไทยส่วนมากไม่ใช่นมแท้ มันคือนมผงผสม” หรือ “บางกล่องไม่เคยแตะวัวจริงเลย” ประเด็นเหล่านี้ทำให้หลายคนเกิดความไม่มั่นใจและนำไปสู่การพูดคุยถึงมาตรฐานและคุณภาพของนมไทยโดยรวม
เพื่อทำความเข้าใจประเด็นนี้ และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับอุตสาหกรรมนมในประเทศไทย คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงจัดเวทีเสวนา From Farm to Facts: คุณภาพนมไทยพิสูจน์ได้ โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญตัวจริงในวงการมาให้ข้อมูลและเล่าเรื่องราวจริง ๆ ตั้งแต่ในฟาร์มไปจนถึงมือผู้บริโภค

เริ่มด้วย รศ. น.สพ. ดร. กิตติศักดิ์ อัจฉริยะขจร ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ผู้มีประสบการณ์ในวงการโคนมกว่า 35 ปี ยืนยันว่าอุตสาหกรรมนมเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ถูกตรวจสอบ "ละเอียดและเยอะมาก" โดยใช้ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์เป็นตัววัดเท่านั้น
กระบวนการควบคุมคุณภาพเริ่มต้นตั้งแต่ที่ฟาร์มโคนม ซึ่งอยู่ภายใต้มาตรฐานฟาร์ม (GAP) ที่เป็นข้อบังคับ ว่าต้องมีสัตวแพทย์ควบคุมดูแล รวมถึงความสะอาดและอาหารสัตว์ก็ถูกควบคุมอย่างเข้มงวดเช่นกัน
น้ำนมจากเกษตรกรรายย่อยกว่า 15,000 ครอบครัวจะถูกส่งมารวมกันที่ศูนย์รวบรวมน้ำนม (มีประมาณ 200 แห่งทั่วไทย) ซึ่งเปรียบเหมือนด่านสำคัญที่จะเปลี่ยนผลผลิตของเกษตรกรให้เป็น "วัตถุดิบ" ของโรงงาน
ณ จุดนี้ คือจุดที่ "การตรวจสอบ" จะเข้มงวดที่สุด ทั้งการตรวจยาปฏิชีวนะและการตรวจสิ่งปลอมปน
ซึ่งการตรวจยาปฏิชีวนะเป็นเรื่องสำคัญ แม้ฟาร์มจำเป็นต้องใช้ยาเมื่อวัวป่วย แต่ก็มี "ระยะหยุดยา" ที่เคร่งครัด ศูนย์รวบรวมนมจะ "ตรวจทุกถัง" เพราะหากพบยา เกษตรกรจะถูกปรับหนักและที่หน้าโรงงาน หากตรวจพบในรถบรรทุกรถคันนั้นจะถูกตีกลับและทิ้งทั้งถังทันที
ส่วนการตรวจสิ่งปลอมปน เช่น การเติมน้ำ สามารถตรวจได้ง่ายมากผ่านจุดเยือกแข็ง หากค่าไม่ตรงตามมาตรฐาน โรงงานจะปฏิเสธทั้งถังเช่นกัน
เหตุผลที่ต้องเข้มงวดขนาดนี้ รศ. น.สพ. ดร. กิตติศักดิ์ ชี้ว่าโรงงานไม่สามารถเสี่ยงได้ เพราะน้ำนมที่ปนเปื้อนเพียง 1 ถัง อาจทำให้สายการผลิตทั้งหมดต้องหยุดชะงักและเสียหายทั้งหมด นอกจากนี้ราคาน้ำนมยังขึ้นอยู่กับคุณภาพและความปลอดภัยที่ตรวจสอบอย่างเข้มงวดด้วย เช่น ความสะอาด ปริมาณไขมันและโปรตีน

เมื่อน้ำนมดิบคุณภาพดีผ่านด่านหน้าโรงงานแล้ว รศ. ดร. อินทาวุธ สรรพวรสถิตย์ ภาควิชาเทคโนโลยีทางอาหาร คณะวิทยาศาตร์ จุฬาฯ ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีทางอาหารและกลิ่นรส ได้อธิบายกระบวนการ "แปรรูป" หลังนำน้ำนมออกมาจากฟาร์ม
ตามกฎหมายไทยนมมีกี่ประเภท ?
ประเด็นเรื่อง "นมผง" แท้จริงแล้วเกี่ยวข้องกับประเภทของนม ซึ่งตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข นมในตลาดแบ่งได้หลายชนิด แต่ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้ ได้แก่:
รศ. ดร. อินทาวุธ อธิบายว่าหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรม คือการทำให้รสชาติคงที่หรือเหมือนเดิมทุกครั้ง เพราะผู้บริโภคคาดหวังว่านมยี่ห้อเดิมที่ซื้อ กล่องใหม่ก็ต้องมีรสชาติเหมือนกล่องเก่า
โรงงานจึงมักใช้กระบวนการ "Standardization" คือการแยกครีม (ไขมัน) ออกจากนมก่อน แล้วจึงนำกลับมาผสมกันใหม่ในสัดส่วนที่ "เป๊ะ" ตามที่กำหนด เพื่อให้ทุกล็อตมีคุณภาพและรสชาติเหมือนกัน
หลังจากนั้นจึงนำไปฆ่าเชื้อ ซึ่งมีหลักๆ 2 แบบ คือ พาสเจอร์ไรส์ (ใช้ความร้อนต่ำ ต้องแช่เย็น อายุสั้น) และ UHT (ใช้ความร้อนสูงมาก จนปลอดเชื้อ เก็บได้นานในอุณหภูมิห้อง) นี่คือเหตุผลที่นมโรงเรียนส่วนใหญ่เป็น UHT เพราะสะดวกต่อการขนส่งและจัดเก็บในพื้นที่ที่ไม่มีตู้แช่
รศ. ดร. อินทาวุธ อธิบายว่าสารเจือปนอาหาร ไม่ได้ใส่เพื่อ "ปกปิดของเสีย" (เช่น ทำให้นมที่กำลังจะบูดดูดีขึ้น ซึ่งแบบนั้นผิดกฎหมายแน่นอน) แต่ใส่เพื่อ "ช่วย" ในกระบวนการผลิต พูดง่ายๆ ก็คือ ช่วยให้ผลิตภัณฑ์ "คงสภาพ" ได้ดีขึ้น เช่น ช่วยให้น้ำกับไขมันในนมคืนรูปไม่แยกชั้นหรือช่วยป้องกันกลิ่นเหม็นหืนในนมผง สารเหล่านี้ผ่านการอนุญาตจาก อย. และมาตรฐานสากล (Codex) ในปริมาณที่ปลอดภัย

สำหรับประเด็นที่ว่า "ไปเมืองนอกกินชีสไม่ท้องอืดเหมือนอยู่เมืองไทย" รศ. พญ. พรรณทิพา ฉัตรชาตรี ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ ได้มาอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ว่า "การแพ้" กับ "การย่อยไม่ได้" มันต่างกันยังไง
1. การแพ้นมวัว เป็นการต่อต้านของระบบภูมิคุ้มกันต่อโปรตีนในนมวัว อาการมีได้ทั้งผื่นลมพิษ ผิวหนังอักเสบหรือถ่ายเป็นเลือด (ในเด็กเล็ก) ซึ่งถ้าแพ้โปรตีนในวัวไม่ว่าจะกินนมวัวออร์แกนิกหรือนมวัวธรรมดา ก็แพ้เหมือนกัน
2. ภาวะย่อยแลคโตสไม่ได้ เป็นปัญหาของระบบย่อยอาหาร ที่ขาด "เอนไซม์แลคเตส" ที่ใช้ย่อยน้ำตาลแลคโตสอาการคือ ท้องอืด, มีแก๊ส, ถ่ายเหลว ซึ่งพบได้บ่อยมากในผู้ใหญ่ชาวเอเชีย เพราะเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะผลิตเอนไซม์นี้ลดลง
ทางออกสำหรับคนท้องอืด คือลองไปดื่ม "นม Lactose-free" (นมวัวที่เขาเติมเอนไซม์ลงไปย่อยน้ำตาลแลคโตสให้แล้ว) ถ้าดื่มแล้วสบายท้องก็แปลว่าคุณแค่ย่อยแลคโตสไม่ได้ ไม่ได้หมายถึงว่าแพ้นมและยังสามารถดื่มนมวัว (แบบ Lactose-free) ได้ตามปกติ
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด