นครรัฐวาติกันเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ของคริสตจักรคาทอลิกที่มีความเก่าแก่เกือบพันปี นอกจากนั้น งานศิลปะ หรือสิ่งของที่อยู่ภายในนั้นมีค่ามากและเป็นส่วนสำคัญของประวัติศาสตร์โลก ด้วยเหตุผลนี้ ทำให้บางสิ่งสมควรที่จะถูกเก็บรักษาหรือเปลี่ยนแปลงเป็น NFT เพื่อให้คงอยู่ตลอดไป
แกลอรี่ NFT อย่างเป็นทางการในนครวาติกันกำลังถูกสร้างขึ้นเพื่อความเป็นประชาธิปไตยของศิลปะ หรือการทำให้ศิลปะเป็นของคนหมู่มาก การจัดตั้งแกลอรี่พิเศษนี้เป็นความร่วมมือระหว่างผู้พัฒนา metaverse ด้วยปัญญาประดิษฐ์ Virtual reality และโซลูชั่น NFT อย่าง Sensorium กับ Humanity 2.0 องค์กรไม่แสวงผลกำไรของวาติกัน โดยมีเป้าหมายให้ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกได้ชมงานศิลปะ ต้นฉบับ และวัตถุอื่นๆ ในคอลเล็กชันของพิพิธภัณฑ์วาติกัน
Humanity 2.0 นั้นมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุน Web 3.0 ของนครวาติกันเป็นอย่างมาก บาทหลวง Philip Larry หัวเรือใหญ่ของกลุ่ม Humanity 2.0 ได้ตั้งตารอที่จะร่วมมือกับ Sensorium เพื่อค้นหาวิธีที่จะทำให้ผู้คนทั่วโลกเข้าถึงงานศิลปะได้ง่ายขึ้น โดยไม่คำนึงถึงข้อจำกัดทางสังคม เศรษฐกิจ และภูมิศาสตร์ใด ๆ
โดยวาติกันกำลังวางแผนที่จะแสดงผลงานศิลปะ ประติมากรรม และสิ่งของอื่น ๆ จากพิพิธภัณฑ์วาติกัน มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ และโบสถ์น้อยซิสทีนซึ่งเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงของเมืองให้แก่ผู้ที่ใช้ NFT เช่น งานศิลปะโดย Michelangelo, Raphael, Leonardo Da Vinci และศิลปินคนอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งคาดว่าแกลเลอรี NFT นี้จะสามารถดูผ่าน VR และเดสก์ท็อปได้ภายในปีนี้
ตัวแทนสื่อของวาติกันได้กล่าวว่า Humanity 2.0 ไม่ได้หวังในผลประโยชน์ทางพาณิชย์ใดๆ ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้นับเป็นที่น่าสนใจในการใช้เทคโนโลยี NFT เข้ามาจัดการในงานศิลปะของวาติกัน
อ้างอิง NFTnewspro , ARTnews
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด