TheLorry ชื่อนี้หลายคนคงยังไม่คุ้นนักในประเทศไทย เพราะเพิ่งเข้ามาในไทยได้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่ในมาเลเซีย TheLorry ถือเป็นผู้ให้บริการ Logistics ที่มาแรงรายหนึ่งเลยก็ว่าได้ ล่าสุด Logistics รายนี้นำร่องให้บริการในประเทศไทยแบบ B2C เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหลังไตรมาสที่ 3 จะให้บริการแบบ B2B อีกด้วย
บริษัท TheLorry (เดอะ ลอร์รี่) ธุรกิจผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์บนแฟลตฟอร์มออนไลน์ ให้บริการเพื่อรองรับความต้องการขนย้ายหลากหลายรูปแบบ เช่น การขนย้ายบ้าน ขนย้ายสำนักงาน ขนย้ายสิ่งของขนาดใหญ่ เปิดรับทั้งลูกค้าทั่วไป สำหรับธุรกิจ SME และธุรกิจขนาดใหญ่ เริ่มก่อตั้งในปี 2014 มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศมาเลเซีย มีบริษัทต่างชาติชั้นนำ เช่น IKEA ในประเทศมาเลเซีย ก็เลือก TheLorry เป็น Partner ในการขนส่งสินค้าอีกด้วย
ในปี 2016 TheLorry ได้รับเงินทุน Series A มูลค่า 1,500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ จาก SPH Media Fund และ Elixir Capital และเมื่อต้นปี 2015 ยังเปิดระดมทุน Seed Round จาก KK Fund อีกด้วย
ปัจจุบันเปิดให้บริการขนย้ายจากในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลก่อน แต่สามารถส่งไปยังจุดหมายปลายทางได้ทั่วประเทศไทย มีรถให้เลือกหลายแบบ เช่น รถกระบะปิคอัพ, รถกระบะแบบตู้ทึบ และรถกระบะจัมโบ้ 4 ล้อ คิดราคาขนส่งตามระยะทางและขนาดรถ เริ่มต้นที่ 350 บาท และมีบริการเสริม ได้แก่ จ้างพนักงานขับรถช่วงยกของลงที่ปลายทาง คิดค่าบริการ 150 บาทต่อคน และจ้างผู้ช่วยขนของเพิ่มเติม คิดค่าบริการ 350 บาทต่อคน
โดยในเวลานี้ รับชำระค่าบริการแค่เงินสดให้กับพนักงานขับรถได้เท่านั้น ซึ่งทางเดอะ ลอร์รี่ ระบุว่ามีแผนพัฒนา Wallet และระบบรับชำระเงินทางออนไลน์ในอนาคต
โดยปัจจุบันให้บริการใน 3 ประเทศ ได้แก่ ประเทศมาเลเซีย ประเทศสิงค์โปร์ และประเทศไทย และมีแผนจะขยายธุรกิจไปอีกหลายประเทศภายในอนาคต ซึ่งในประเทศไทยเพิ่งเปิดตัวเว็บไซต์ TheLorry ไปเมื่อเดือนมกราคม 2018 ที่ผ่านมา
ในมาเลเซีย และสิงค์โปร์ จะให้บริการ Logistics ทั้งแบบ B2C และ B2B เต็มตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนในประเทศไทยจะให้บริการแบบ B2C ก่อน จากนั้นจะให้บริการแบบ B2B ในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
ซึ่งถ้าดูจาก E-Commerce Landscape 2017 ที่ Techsauce เคยจัดทำไว้ จะพบว่าอีกกลุ่มธุรกิจที่ดุเดือดไม่น้อย คือกลุ่ม Logistics จากที่ Techsauce เคยทำเปรียบเทียบข้อมูลให้บริการเอาไว้ ทั้งในกลุ่ม 3PL (Third Party Logistics) อย่าง ไปรษณีย์ไทย, Kerry Express, Ninja Van, Nim express และกลุ่ม On-Demand ที่เน้นให้แมสเซนเจอร์ส่งของภายในเวลา 1 ชั่วโมง อย่าง Alpha, Grab, LINE MAN, Lalamove, SCG Express, Send it, Skootar, Deliveree
นอกจากสองกลุ่มข้างต้น ยังมีแพลตฟอร์มที่รวบรวมข้อมูลการขนส่ง และเป็นตัวกลางระหว่างผู้ประกอบการและลูกค้า อย่าง Giztix, Shippop, Smartship, SME Shipping และล่าสุดยังมี EasyParcel กับ Shipjung อีกด้วย
น่าจับตาว่า Logistics ในปีนี้จะมีรายไหนเปิดตัวในประเทศไทยอีก ต้องติดตามครับ!
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด