นายปณต สิริวัฒนภักดี ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “รูปแบบธุรกิจต่างๆ ทั่วโลกกำลังถูกดิจิทัล ดิสรัปชั่น (Digital Disruption) ซึ่งเกิดจากการเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยีมากขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศไทยภาครัฐได้มีการสนับสนุนนโยบายอุตสาหกรรม 4.0 ตลอดจนผลักดันให้ผู้ประกอบการและองค์กรชั้นนำหันมาใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาธุรกิจ ความร่วมมือแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับจัสท์โคนับเป็นโอกาสสำคัญของไทคอนในการพัฒนาแพลตฟอร์มธุรกิจของตนให้ดียิ่งขึ้นผ่านบริการต่างๆ ที่มีเทคโนโลยีเป็นองค์ประกอบสำคัญ โดยเชื่อมั่นว่าด้วยความรู้ความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับตลาดประเทศไทย ตลอดจนเครือข่ายธุรกิจขนาดใหญ่ของไทคอน จะส่งผลให้การร่วมทุนครั้งนี้สามารถเสริมแกร่งซึ่งกันและกัน และช่วยให้การเข้ามาดำเนินธุรกิจและขยายเครือข่ายของจัสท์โคในประเทศไทยเป็นไปได้รวดเร็วยิ่งขึ้น”
นายโสภณ ราชรักษา ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า "ไทคอนมีความก้าวหน้าอย่างมากในการนำสมาร์ทโซลูชั่นมาผสานเข้าสู่แพลตฟอร์มธุรกิจ ซึ่งถือเป็นการขยายธุรกิจตามแผนโรดแมป 3 ปี ที่จะขับเคลื่อนองค์กรในทุกมิติ ล่าสุดประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ ก้าวสู่การเป็น “ผู้นำการให้บริการสมาร์ทแพลตฟอร์มด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม” หรือ “The leading provider of smart industrial platform” โดยเน้นการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาพัฒนาและต่อยอดธุรกิจเพื่อให้เกิดมูลค่าและประสิทธิภาพให้ธุรกิจทั้ง 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มเดิมที่เป็น “กลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม” (Industrial Property) รวมถึงกลุ่มธุรกิจใหม่อย่าง “กลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์” (Data Centre) และ “กลุ่มสมาร์ทโซลูชั่น” (Smart Solution) ซึ่งจะดำเนินงานควบคู่ไปกับแนวทางการจับมือกับพันธมิตรชั้นนำที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อผนึกศักยภาพและนำมาเสริมธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น”
ด้าน มร.คง วัน ซิง ผู้ก่อตั้งและประธานอำนวยการ จัสท์โค (JustCo) กล่าวว่า “ประเทศไทยนับเป็นตลาดที่สำคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นหนึ่งในศูนย์กลางธุรกิจที่มีความพร้อมเหมาะแก่การลงทุน การร่วมมือกับไทคอนที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นบริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด ซึ่งอยู่ในกลุ่มทีซีซี จะทำให้เราสามารถเข้าถึงเครือข่ายในการดำเนินธุรกิจในแวดวงพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่แข็งแกร่งที่สุด ที่มีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับตลาดในประเทศไทย รวมถึงมีพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจของเรา ซึ่งเมื่อนำมาผสานกับประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) เทคโนโลยีเกี่ยวกับสถานที่ทำงาน (Workspace Technology) และการบริหารจัดการกลุ่มลูกค้าสมาชิก (Community Management) ความร่วมมือครั้งนี้จะเสริมส่งซึ่งกันและกัน และก่อตัวเป็นพลังทางธุรกิจครั้งใหม่ที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของพันธมิตรทั้งสองฝ่าย"
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด