TikTok ประกาศเป้าหมายสู่การเป็นบริษัทที่ 'น่าเชื่อถือที่สุดในโลก' ท่ามกลางกระแสแบนในสหรัฐฯ โดยในงาน APEC CEO Summit ที่จัดขึ้นคู่ขนานกับการประชุม APEC ณ กรุงลิมา ประเทศเปรู Shou Zi Chew ซีอีโอของ TikTok ได้กล่าวถึงความพยายามของบริษัทว่า
"เรากำลังทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพื่อให้เป็นหนึ่งในบริษัทที่คนไว้วางใจที่สุดในโลก" พร้อมย้ำว่า TikTok พร้อม "ร่วมมือกับทุกฝ่าย แบ่งปันข้อมูล และช่วยคลายความกังวลที่มีอยู่"
"หนึ่งในเป้าหมายส่วนตัวของผมในฐานะซีอีโอ คือการทำให้ TikTok ได้รับความไว้วางใจและมีชื่อเสียงในฐานะองค์กรที่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อโลก"
ภายใต้การจับตามองอย่างเข้มงวดในสหรัฐฯ แคนาดา และยุโรปเกี่ยวกับความเชื่อมโยงกับรัฐบาลจีน TikTok ยังคงยึดมั่นในเป้าหมายที่จะเป็นบริษัทที่ได้รับความไว้วางใจ พร้อมเป็นตัวแทนของเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในระดับโลก
TikTok กำลังเผชิญความท้าทายระดับโลก หลังจากสหรัฐฯ ผ่านกฎหมายที่กำหนดให้ ByteDance เจ้าของแอปชาวจีน ต้องขายกิจการ TikTok ภายในวันที่ 19 มกราคม มิฉะนั้นอาจถูกแบน โดยฝ่ายนิติบัญญัติในสหรัฐฯ แสดงความกังวลว่าข้อมูลผู้ใช้อาจถูกส่งต่อให้รัฐบาลจีน ซึ่งถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ
นอกจากสหรัฐฯ แคนาดายังสั่งให้ TikTok ปิดสำนักงานในประเทศ และสหภาพยุโรปเริ่มการสอบสวนเกี่ยวกับการปกป้องผู้ใช้งานที่เป็นเยาวชน
TikTok เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีการสร้างศูนย์ข้อมูลแห่งใหม่ในประเทศนอร์เวย์ ซึ่งจะช่วยรักษาความปลอดภัยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ในยุโรป และใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ซึ่งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ TikTok ยังลงทุนกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ในด้านความปลอดภัยข้อมูลในสหรัฐฯ และวางแผนใช้งบประมาณอีก 12 พันล้านยูโร (ประมาณ 12.6 พันล้านดอลลาร์) ในอีก 10 ปีข้างหน้า เพื่อปกป้องข้อมูลผู้ใช้งานในยุโรป
Shou Zi Chew ซีอีโอของ TikTok กล่าวในการประชุมที่ซาอุดีอาระเบียว่า ความท้าทายใหญ่ของ TikTok คือการสร้างความไว้วางใจ โดยระบุว่า "สุดท้ายแล้ว ความไว้วางใจไม่ได้มาจากคำพูด แต่มาจากสิ่งที่คุณทำ คุณได้ลงมือแก้ไขสิ่งที่ผู้คนกังวลอย่างจริงใจหรือยัง?"
ในสหรัฐฯ อนาคตของ TikTok อาจขึ้นอยู่กับการเมืองเป็นหลัก ปัจจุบันประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ลงนามกฎหมายที่กดดันให้ ByteDance ขายกิจการ TikTok ขณะที่โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดี ซึ่งอาจกลับมาดำรงตำแหน่งในอนาคต ได้แสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับการแบน TikTok แม้ว่าเขาเคยสนับสนุนในปี 2020 การบังคับใช้กฎหมายแบนนี้ถือว่ายาก เพราะต้องใช้งบประมาณและทรัพยากรจำนวนมากเพื่อควบคุมการใช้งานและลงโทษผู้ฝ่าฝืน
ด้าน TikTok ได้ยื่นฟ้องรัฐบาลสหรัฐฯ โดยอ้างว่ากฎหมายดังกล่าวละเมิดสิทธิในเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งคาดว่าจะมีคำตัดสินในเดือนธันวาคม
ซีอีโอของ TikTok ย้ำว่า "เราเป็นแพลตฟอร์มที่สนับสนุนความคิดสร้างสรรค์และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอย่างแท้จริง" และชี้ว่าผู้ใช้กว่าพันล้านคนทั่วโลกเชื่อมั่นในความสามารถของ TikTok ในการปกป้องเสรีภาพนี้
อ้างอิง: asia.nikkei
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด