BrandFinance จัดอันดับ 500 บริษัทที่มีมูลค่าบริษัทสูงที่สุดในโลก (Brand Finance Global 500) พบ Top 10 เป็นหน้าเดิม โดยอันดับที่ 1 กลายเป็นของ Amazon ส่วน Google ตกไปอยู่อันดับที่ 3 และ Apple ยังครองที่ 2 ไว้ได้
BrandFinance บริษัทที่ทำงานด้านการให้คำแนะนำกับองค์กร สัญชาติ ออกรายงานจัดอันดับ 500 บริษัทที่มีมูลค่าบริษัทสูงที่สุดในโลก (Brand Finance Global 500) พบมีทั้งบริษัทเทคโนโลยี, โทรคมนาคม, ห้างค้าปลีก และยานยนต์ โดย 10 อันดับแรกส่วนใหญ่เป็นบริษัทด้านไอที แต่มีธนาคารจีนอย่าง ICBC ติดมาด้วย
10 อันดับแรกมีอะไรบ้าง เรามาดูกันเลยครับ
มูลค่าบริษัท: 59.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เปอร์เซ็นต์ที่เปลี่ยนแปลง: +24%
อันดับเมื่อปี 2017: 10
เมื่อปี 2008 มีบริษัทจีนเข้ามาอยู่ใน 500 อันดับแรก จาก 3% เพิ่มาเป็น 15% , โดยธนาคาร ICBC (Industrial and Commercial Bank of China) จากจีนยังคงอยู่ในอันดับที่ 10 ของแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกเป็นปีที่ 2 โดยเมื่อปี 2017 เป็นปีแรกที่ได้อยู่ในอันดับนี้
มูลค่าบริษัท: 61.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เปอร์เซ็นต์ที่เปลี่ยนแปลง: -1%
อันดับเมื่อปี 2017: 8
มูลค่าบริษัท Walmart ลดลงไปจากปี 2017 พอสมควร อีกทั้งยังมีทิศทางธุรกิจที่ยังค่อนข้างไม่ชัดเจนนัก โดยเมื่อต้นปี 2018 ก็มีการปิดห้างไปแล้ว 60 สาขา
มูลค่าบริษัท: 62.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เปอร์เซ็นต์ที่เปลี่ยนแปลง: -5%
อันดับเมื่อปี 2017: 7
มูลค่าบริษัท ลดลงไป 5% จากปีที่แล้ว สาเหตุสำคัญนั้นมาจากการสูญเสียฐานลูกค้าของค่ายมือถือ T-mobile ในสหรัฐ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Verizon นั่นเอง
มูลค่าบริษัท: 81.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เปอร์เซ็นต์ที่เปลี่ยนแปลง: +6%
อันดับเมื่อปี 2017: 5
Microsoft ยังเริ่มต้นในปี 2018 ได้อย่างแข็งแกร่ง ธุรกิจสำคัญ คือ Cloud Service เป็นรองแค่ Amazon เท่านั้น อย่างไรก็ตาม การอยู่ในอันดับนี้ก็บ่งบอกได้ว่ามูลค่าบริษัท Microsoft ยังน้อยกว่าคู่แข่งสำคัญอย่าง Apple และ Google อยู่ดี
มูลค่าบริษัท: 82.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เปอร์เซ็นต์ที่เปลี่ยนแปลง: -5%
อันดับเมื่อปี 2017: 4
ยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมอีกรายในอเมริกา AT&T (ไม่ต่างกับ Verizon) มูลค่าบริษัทก็ลดลงไป 5% จากปี 2017 เช่นกัน ส่วนเหตุผลที่มูลค่าบริษัทลดลงนั่นคือ การขยายธุรกิจไปในฝั่ง Entertainment มากขึ้น
มูลค่าบริษัท: 89.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เปอร์เซ็นต์ที่เปลี่ยนแปลง: +45%
อันดับเมื่อปี 2017: 9
Facebook มีมูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้น 45% จากปีก่อน พร้อมกับมีอันดับที่ขึ้นมาด้วย จากเดิมอยู่อันดับที่ 9 ของแบรนด์ที่มีมูลค่าสูงสุด ตอนนี้มาอยู่อันดับที่ 5 แล้ว โดยในรายงานการจัดอันดับระบุว่า Facebook ได้ประโยชน์จากการครอบครอง Digital Content ส่วนใหญ่ไว้ได้
มูลค่าบริษัท: 92.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เปอร์เซ็นต์ที่เปลี่ยนแปลง: +39%
อันดับเมื่อปี 2017: 6
Samsung ยังคงอยู่อันดับที่ 6 ต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว และอันดับก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ของกลุ่มบริษัทด้านไอทีระดับโลก ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ทั้งโทรศัพท์มือถือตระกูล Galaxy, แท็บเล็ต, ทีวี, อุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน, อุปกรณ์รักษาปลอดภัยในบ้าน และอื่น ๆ
มูลค่าบริษัท: 120.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เปอร์เซ็นต์ที่เปลี่ยนแปลง: +10%
อันดับเมื่อปี 2017: 1
อันดับของ Google ล่นลงมาอยู่ที่ 3 ในปีนี้ จากเดิมอยู่ในอันดับที่ 1 อย่างไรก็ตามถือว่าดีกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อปี 2017 แต่รายงานระบุว่า เมื่อดูองค์ประกอบหลาย ๆ อย่างก็พบว่า Google ยังถือเป็นแบรนด์อันดับ 1 เพราะเป็นเจ้าตลาดการค้นหาบนอินเทอร์เน็ตและ Cloud Technology แต่ยังไม่ได้โฟกัสด้านพลังงาน และด้านอื่น ๆ
มูลค่าบริษัท: 146.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เปอร์เซ็นต์ที่เปลี่ยนแปลง: +37%
อันดับเมื่อปี 2017: 2
Apple ยังสามารถอยู่ในอันดับที่ 2 ได้โดยมูลค่าของแบรนด์เพิ่มขึ้น ซึ่งในปี 2016 ตกลงไปอย่างมาก โดยรายงานการจัดอันดับระบุว่า สองในสามของรายได้ Apple มาจากการขาย iPhone และถ้า iPhone ยังขายได้ดี Apple จะยังคงอันดับ 2 นี้ต่อไป
มูลค่าบริษัท: 150.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เปอร์เซ็นต์ที่เปลี่ยนแปลง: +42%
อันดับเมื่อปี 2017: 3
BrandFinance ให้เหตุผลที่ Amazon ได้เป็นอันดับ 1 ของ Brand Finance Global 500 ปี 2018 โดยระบุว่า
"Amazon กลายเป็นบริษัทที่มูลค่าสูงสุดในโลก แซงหน้า Apple และ Google ในการจัดอันดับ Brand Finance Global 500 ได้สำเร็จ โดย Amazon มีมูลค่าบริษัทสูงขึ้นจากปีก่อนถึง 42% จนในที่สุดตอนนี้บริษัทมีมูลค่าสูงถึง 150.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยแรกเริ่ม Amazon ให้บริการในฐานะร้านหนังสืออนไลน์ จนวันนี้กลายเป็นธุรกิจออนไลน์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งในแง่ของมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization) และรายได้ ซึ่ง Amazon ไม่ได้เป็นแค่ผู้ขายสินค้าผ่านทางออนไลน์อีกต่อไป แต่ยังเป็นผู้ให้บริการ Cloud Infrastructure และยังเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย
Amazon ยังขยายกิจการออกไปอย่างกว้างขวาง ออกจากพื้นที่ธุรกิจไอทีที่เคยทำอยู่ โดยในปี 2017 ได้เข้าซื้อกิจการ Whole Foods มูลค่า 13.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อขยายฐานเข้ามาไปสู่อาณาจักรของ Bricks-and-Mortar (ร้านค้าที่มีหน้าร้านจริง)
นอกจากนี้ Amazon ยังเป็นผู้ให้จัดส่งพัสดุ, ให้บริการ Music Streaming, ให้บริการ Video Streaming อีกทั้งยังเตรียมซื้อกิจการธนาคารในปี 2018 อีกด้วย"
อ้างอิงข้อมูลจาก Brand Finance และ Business Insider
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด