ความน่าตื่นเต้นไม่ได้มีเพียงแค่ขนาดดีลที่ใหญ่มหาศาลถึง 425 ล้าน USD หรือราว 1.5 หมื่นล้านบาท แต่นั่นยังแสดงให้เห็นถึงทิศทางของ Atlassian ในการขยายอาณาจักร "Collaboration Tool" จากเดิมที่บริษัทนี้เป็นที่รู้จักในบรรดาคนสาย Dev เสียส่วนใหญ่ ดูท่าตลาดนี้กำลังจะลุกเป็นไฟ...
ภาพจาก trello.com
ในฐานะคนชอบติดตามซอฟแวร์แนว Project Management Tool กล่าวได้ว่า Trello คือหนึ่งในซอฟแวร์ที่คนนิยมใช้มากที่สุดตัวนึง
รายงานข่าวระบุว่าปัจจุบันมีผู้ใช้ 19.5 ล้านคน โดยเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าภายในระยะเวลาหนึ่งปี เมื่อเทียบกับตุลาคมปี 2015 ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นว่า โลกการทำงานของคนยุคใหม่ ขับเคลื่อนไปในทิศทางไหน - กล่าวโดย Jay Simons ประธานของ Atlassian
จุดเด่นสำคัญของ Trello คือเป็นซอฟแวร์ที่ใช้งานง่าย ค่อนข้างถูกจริตคนทั่วไป และสามารถนำมาใช้กับ Use Case ได้หลากหลาย เช่น การทำ To-Do List การทำ CRM แบบง่ายๆ การ Brainstorm และอัปเดตสถานะโปรเจ็กต์ การ assign tasks (Task management) เป็นต้น
การซื้อซอฟแวร์ที่ถูกจริตคนทั่วไปอย่าง Trello เข้ามา น่ามองมากว่ามันคือสัญญาณที่ Atlassian จะขยายทัพด้าน Project Management / Collaboration Tool
พูดถึงชื่อของ Atlassian หลายๆ คนอาจจะไม่รู้จัก แต่เชื่อว่าสาย Dev ต้องรู้จักกันอย่างแน่นอน เพราะเป็นบริษัทใหญ่ที่เป็นเจ้าของโปรดักส์หลายตัว ที่สาย Development นิยมใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น JIRA Software, Confluence, HipChat, Bitbucket และ JIRA Service Desk
ภาพจาก Atlassian.com
ในปี 2015 บริษัท Microsoft ได้ซื้อบริษัทแนว Task management ที่ชื่อ Wunderlist ไป โดยจ่ายไปในช่วง 100-200 ล้านเหรียญ
บริษัทใหญ่ๆ อย่าง Microsoft และ Atlassian ดูเหมือนว่ากำลังสนใจ Startups แนว Collaboration เป็นพิเศษ เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของ Enterprise software (ซอฟแวร์การบริหารและการทำงานในบริษัท) โดย Gartner ได้เคยศึกษาเกี่ยวกับ segment นี้ คาดว่ามีมูลค่า 4.7 พันล้านเหรียญ เมื่อปีที่แล้ว และน่าจะเติบโตขึ้นเป็น 7 พันล้านเหรียญ ในปี 2020
การครอบครอง Trello นี้ จะทำให้ Atlassian สามารถขยายฐานลูกค้าให้กว้างขวางขึ้นกว่าทีมสาย Dev ไปครอบคลุมฝั่ง Business และฝั่ง General มากขึ้น มากกว่าครึ่งนึงของคนใช้งาน Trello เป็นคนสาย Non-technical เช่น สายการเงิน HR กฏหมาย การตลาด sales เป็นต้น
สำหรับตลาดแนว Project Management / Collboration / Task Management นี้ นอกจาก Trello แล้ว ก็ยังมีรายดังๆ อย่างเช่น Asana, Workfront, Wrike, Planview เป็นต้น โปรดักส์พวกนี้เกิดขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของคนทำงานที่รู้สึก "overwhelmed" จากปริมาณ information ที่เข้ามาในหลากหลายช่องทางในแต่ละวัน ความต้องการที่จะบริหารจัดการ จัดลำดับความสำคัญในการทำงาน นับเป็นความต้องการที่มีดีมานด์สูงมากในปัจจุบัน สำหรับคนที่สนใจเครื่องมือแนว Productivity/Collaboration Tools สามารถติดตามอ่านเนื้อหาเกี่ยวกับ Tools ต่างๆ ได้ที่นี่
ข่าวนี้เขียนโดยอ้างอิง: The Wall Street Journal
ภาพปกจาก: lifehacker.com.au
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด