เมื่อวันเสาร์ (13 พ.ย.) Twitter ภายใต้การนำทัพของ Elon Musk ประกาศเลย์ออฟอีกครั้ง ยกเลิกสัญญาจ้างพนักงานกว่า 4,400 จากทั้งหมด 5,500 คน ซึ่งหลายสำนักข่าวรายงานตรงกันว่า พนักงานเหล่านั้นไม่ได้รับการแจ้งเตือนใด ๆ ก่อนถูกบอกเลิกจ้าง หลังจากไม่สามารถเข้าใช้งานอีเมล และแอปพลิเคชัน Slack รวมถึงระบบการทำงานอื่น ๆ ได้
ตามอีเมลภายในที่ส่งถึงพนักงานสัญญาจ้างเหล่านี้ บริษัทให้เหตุผลของการปลดพนักงานออกว่า เป็นส่วนหนึ่งของ “การจัดลำดับความสำคัญใหม่และเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย" นอกจากนี้ยังแจ้งว่า วันที่ 14 พฤศจิกายน จะเป็นวันสุดท้ายที่พวกเขาจะได้ทำงาน และพวกเขาไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น
ในจำนวนพนักงานทั่วโลกหลายพันคนที่ได้รับผลกระทบ มีทั้งผู้ที่ทำงานในส่วนการตรวจสอบเนื้อหาคอนเทนต์, อสังหาริมทรัพย์, การตลาด, วิศวกรรม และแผนกอื่น ๆ รวมถึงพนักงานในแผนก Trust & Safety ที่หายไป 15 % นอกจากนั้นก่อนหน้านี้บริษัทได้ปลดแผนกสื่อสารภายในองค์กรออก จนพนักงานใน Twitter ยังพูดติดตลกกันเองว่า ตอนนี้สื่อที่คอยเกาะติดและรายงานความเคลื่อนไหวของบริษัท กำลังทำหน้าที่เป็นแผนกสื่อสารภายในแทนพวกที่ถูกเลิกจ้างไป
Twitter ส่งอีเมล์ภายใน แจ้งลดจำนวนพนักงานอย่างเป็นทางการครั้งแรกหลังปิดดีล
อีเมลแรกจาก Elon Musk ถึงพนักงาน Twitter บังคับเข้าออฟฟิศ - เหตุผลที่ต้องเก็บค่าสมาชิก
หลังจาก Elon Musk เข้าซื้อ Twitter สำเร็จเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม ที่ผ่านมา เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายภายในองค์กร เริ่มตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูงทยอย Twitter ลาออก และบางคนถูกไล่ออก นอกจากนั้น Musk ต้องการให้พนักงานทุกคนกลับมาทำงานที่ออฟฟิศ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และยกเลิกวัฒนธรรมการทำงานแบบ Work From Home ทิ้งไป
จนถึงตอนนี้ Twitter ปลดพนักงานไปแล้วกว่าครึ่งหนึ่งตามที่เขาเคยกล่าวไว้ ซึ่งคาดว่าหลังจากนี้มีความเป็นไปได้ว่าอาจมีพนักงานบางส่วนต้องถูกเลิกจ้างอีก สาเหตุจากการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงาน เพราะ Musk ย้ำชัดถึงความต้องการของเขาว่าพนักงานทุกคนต้องทำงานที่ออฟฟิศเป็นหลัก หากไม่เป็นเช่นนั้น ถือว่าเป็นการลาออกโดยสมัครใจ
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด