Uber ยื่นหนังสือต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เสนอปรับกฎหมายบริการร่วมเดินทาง

Uber เสนอปรับกฎหมายบริการร่วมเดินทาง ได้ยื่นหนังสือต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อขอให้สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติสนับสนุนการแก้ไขพระราชบัญญัติรถยนต์ฉบับปัจจุบันรองรับบริการร่วมเดินทางผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน ขณะนี้มีประชาชนมากกวา่ 51,000 คนร่วมลงชื่อเห็นด้วย

เอมี่ กุลโรจน์ปัญญา ผู้อำนวยการสื่อสารองค์กรและนโยบายของบริษัท Uber ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เข้ายื่นหนังสือต่อประธานสภานิติบัญญัติ เพื่อขอให้สมาชิกสภานิติบัญญัติเป็นตัวแทนประชาชนในการแก้ไขพระราชบัญญัติรถยนต์ฉบับปัจจุบัน (พ.ศ.2522) ให้รองรับการร่วมเดินทางผ่านแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน โดยมี นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นตัวแทนในการรับหนังสือ

โดยคุณเอมี่ กล่าวว่า "Uber ขอขอบคุณทุกเสียงสนับสนุนของคนไทย ที่มีต่อบริการร่วมเดินทางด้วยดีมาโดยตลอด จนล่าสุด Uber ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนมากกว่า 51,000 รายชื่อผ่านทางเว็บไซต์ https://action.uber.org/th/  ทุกเสียงที่ร่วมลงชื่อคือกำลังใจของเราที่จะมุ่งมั่นเดินหน้าทำงานร่วมกับภาครัฐ เพื่อให้มีกฎหมายรองรับบริการร่วมเดินทางในประเทศไทยอย่างเป็นทางการให้สมกับที่คนไทยรอคอย"

"Uber ได้เข้าพบท่านรองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เพื่อนำเสนอแนวทางการพัฒนาสู่การปรับปรุงกฎระเบียบรองรับบริการร่วมเดินทางให้คนไทยสามารถใช้สิทธิและเสรีภาพในการเดินทางได้อย่างเต็มที่ผ่านทางสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติที่เปรียบเสมือนตัวแทนของประชาชนคนไทย"

นางเอมี่กล่าวอีกว่า "Uber มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันประเทศไทยให้ไปถึงเป้าหมายและโดดเด่นอยู่ระดับแถวหน้าของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้นำเทคโนโลยีมาพัฒนาและใช้ประโยชน์ให้กับประชาชน สังคม ทั้งนี้ประเทศในอาเซียนเกือบทั้งหมดได้มีการยอมรับการให้บริการร่วมเดินทางเเล้ว เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เมียนมาร์ และเวียดนาม"

Uber ได้เปิดให้บริการเทคโนโลยีร่วมเดินทางแก่ผู้คนในประเทศไทยมาเป็นเวลากว่า 3 ปี 3 เดือนแล้ว และในช่วงครึ่งปีแรกของปี พ.ศ.2560 มีคนมากกว่า 1.3 ล้านคนเปิดแอปพลิเคชัน Uber ทั่วประเทศไทย ด้วยการเข้ามาเติมเต็มระบบขนส่งสาธารณะ สร้างประสบการณ์ใหม่และแก้ไขปัญหาความไม่สะดวกในการเดินทาง รวมถึงการสร้างความปลอดภัยของผู้โดยสารผ่านเทคโนโลยี ที่สำคัญคือมีส่วนให้โอกาสในการสร้างรายได้เสริมของประชาชน ซึ่งเป็นการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และการลดปัญหาการจราจรและมลพิษทางอากาศ ซึ่งปัจจุบันมีผู้ใช้บริการประจำประมาณ 400,000 คนในประเทศไทย ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา

"Uber หวังว่าทางภาครัฐจะมองเห็นถึงโอกาสและความเป็นไปได้อีกมากที่ประเทศไทยจะได้รับผลประโยชน์จากเทคโนโลยีร่วมเดินทางเพื่อคนไทยทุกคน เพื่อนักทอ่งเที่ยว เพื่อเศรษฐกจิสังคมและเพื่อประเทศของเรา" นางเอมี่ กล่าว

 

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ICONSIAM สร้างประวัติศาสตร์คว้ารางวัล Top 3 ของโลกจาก MAPIC Awards 2025

ICONSIAM สร้างประวัติศาสตร์คว้ารางวัล Top 3 ของโลกจาก MAPIC Awards 2025 ที่เมืองคานส์ ฝรั่งเศส ในฐานะโครงการค้าปลีกที่ทรงอิทธิพลที่สุดในรอบ 30 ปี ตอกย้ำวิสัยทัศน์สยามพิวรรธน์ในการพ...

Responsive image

เปิด “ฟิวเจอเรียม” เต็มรูปแบบ คุณสุรศักดิ์ ตรวจเยี่ยมการให้บริการ พร้อมทดสอบระบบ

ฟิวเจอเรียมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบวันแรก โดย “สุรศักดิ์” ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและทดสอบระบบ พร้อมทดลองสวมบทบาทเป็น “นักธรณีวิทยาปิโตรเลียม” และ “นักคิดค้นยา” ซึ่งเป็น 2 ใน 27 อาชีพต้น...

Responsive image

UTCC ชี้วิกฤต Digital Paradox ของไทย เสี่ยงเป็นตลาดให้คนอื่นเพราะ 'เก่งการใช้เทคโนโลยี' แต่ 'ไม่เก่งสร้าง'

แม้ว่าประเทศไทยจะติดอันดับต้น ๆ ของภูมิภาคในด้านการใช้อินเทอร์เน็ตและอีคอมเมิร์ซ แต่ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศกลับลดลงอย่างต่อเนื่อง ปรากฏการณ์นี้ถูกเรียกว่า “Thailand’s Di...