เปิดตัวโมเดล "แท็กซี่บินได้" ที่ Uber พัฒนาร่วมกับกองทัพสหรัฐฯ เตรียมให้บริการ UberAIR จริงปี 2023 | Techsauce

เปิดตัวโมเดล "แท็กซี่บินได้" ที่ Uber พัฒนาร่วมกับกองทัพสหรัฐฯ เตรียมให้บริการ UberAIR จริงปี 2023

Uber เริ่มเปิดรับเมืองต่างๆ จากทั่วโลกเข้าที่สามารถให้บริการ "แท็กซี่บินได้" (Flying Taxi) ในชื่อ UberAIR ได้ เผยโมเดล "แท็กซี่บินได้" ที่ออกแบบร่วมกับกองทัพสหรัฐฯ ออกมาให้เห็นแล้ว พร้อมระบุกำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานที่กำกับดูแลด้านการบินทั่วโลก คาดเริ่มเปิดทดลองบินปี 2020 และเริ่มให้บริการจริงปี 2023

Photo: Uber

Uber เปิดรับเมืองที่ให้บริการ UberAIR เพิ่ม

บริษัท Uber เริ่มเปิดรับเมืองต่างๆ จากทั่วโลกที่ต้องการเข้าร่วมในการให้เปิดบริการโปรเจกต์แห่งอนาคตอย่าง "แท็กซี่บินได้" (Flying Taxi) ในชื่อ UberAIR หลังจากเกิดความล่าช้าในการเปิดตัวที่เมืองดูไบ

โดยเมื่อปีที่แล้วบริษัทได้จับมือกับองค์การ NASA และหน่วยงานด้านเทคโนโลยีอวกาศของสหรัฐฯ อีกหลายแห่ง ในการรวบรวมข้อมูลการจราจรทางอากาศและความปลอดภัยด้านการบินในเมืองใหญ่ ซึ่งนำร่องที่ท่าอากาศยานนานาชาติ Dallas/Fort Worth ในเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส

ล่าสุด Jeff Holden CPO (Chief Product Officer) Uber ประกาศในงาน Elevate Summit ที่จัดขึ้น ณ Los Angeles ทุกปี ว่าขณะนี้กำลังมองหาเมืองที่มีความเป็นสากลอีกหนึ่งเมือง เพื่อเปิดตัวบริการดังกล่าวต่อ

และในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2017 Uber ได้ปล่อยคลิปที่แสดงรูปแบบการให้บริการในอนาคต จะเป็นดังคลิปด้านล่างนี้ และเรียกเครื่องบินดังกล่าวว่าเป็นเครื่องบินที่มีลักษณะการขึ้นบินและลงจอดในแนวตั้ง หรือ Vertical Take-Off and Landing (VTOL)

https://www.youtube.com/watch?v=JuWOUEFB_IQ

ทางบริษัทกล่าวว่าจะพิจารณาเลือกเมืองใหญ่ที่มีประชากรมากกว่า 2 ล้านคน โดยมีศูนย์กลางการกระจายตัวของประชากร สนามบินอยู่ห่างจากใจกลางเมืองอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง และยินดีที่จะให้บริการรถรางสาธารณะร่วมกัน

ก่อนหน้านี้ Uber จะเลือกเมืองดูไบเป็นเมืองที่ 3 ที่จะเปิดตัว แต่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาได้มีการเปิดกระบวนการคัดเลือกเมืองอื่น ๆ ที่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ที่เมืองนั้นเมื่อใช้ "แท็กซี่บินได้" จะช่วยบรรเทาปัญหาความแออัดของเมืองได้

โฆษกหญิงของทางบริษัทกล่าวว่า "ก่อนหน้านี้เมืองดูไบ (ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) เคยแสดงความสนใจในวิสัยทัศน์ (Vision) ของ Uber แต่เรากำลังขยายขอบเขตความสนใจไปยังเมืองอื่นๆ ด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราได้เปิดตัวเกณฑ์และกระบวนการการคัดเลือกนี้ขึ้นมา" พร้อมกับจะยังคุยกับทางเมืองดูไบต่อไป

Uber กล่าวว่าไม่ได้ต้องการแบ่งภาษีหรือสิ่งจูงใจให้กับท้องถิ่น แต่ต้องการที่จะทำงานร่วมกับเมืองต่างๆ เพื่อนำโครงการดังกล่าวเข้าสู่ตลาดโดยเร็วที่สุด ซึ่งเปิดให้เมืองที่สนใจในการเข้าร่วมครั้งนี้ สามารถสมัครได้ที่ uber.com/air

Uber มีจุดมุ่งหมายเพื่อทำให้พัฒนาอุตสาหกรรมแท็กซี่ไฟฟ้าที่ให้บริการทางอากาศเป็นไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งบริการดังกล่าวต้องการให้ลูกค้าสามารถจองการใช้บริการผ่านทางสมาร์ทโฟนได้ ซึ่งเป็นโมเดลเดียวกับการเรียกรถแท็กซี่บนพื้นดินที่ให้บริการครั้งแรกตั้งแต่ปี 2011 จนปัจจุบันได้รับความนิยมอย่างมาก

เผยโมเดลแท็กซี่บินได้ ที่พัฒนาร่วมกับกองทัพสหรัฐ

Photo: Uber

ล่าสุด Uber ได้มีการเปิดตัวแบบจำลองของ "แท็กซี่บินได้" ที่พัฒนาร่วมกับกองทัพสหรัฐฯ ผ่านทางรายการ CBS This Morning เป็นที่แรก ซึ่งเครื่องบินดังกล่าวจะ

  • ใช้เครื่องยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังเจ็ท ที่มีการผสมผสานระหว่างเฮลิคอปเตอร์, โดรน (Drone) และส่วนปีกเครื่องบินที่ถูกปรับปรุงใหม่ เข้าด้วยกัน
  • มีใบพัดขนาดเล็ก 4 ใบในแนวราบ และอีก 1 ใบพัดที่หางเครื่องบิน ที่ช่วยให้ควบคุมการขึ้น, ลง และบินในแนวตั้ง-แนวนอนได้อย่างรวดเร็ว
  • รองรับผู้โดยสารสูงสุด 4 คน กับอีก 1 นักบิน
  • ขับเคลื่อนด้วยความเร็ว 150-200 ไมล์ต่อชั่วโมง
  • บินที่ระดับความสูง 1,000-2,000 ฟุต
  • บินในระยะทางประมาณ 60 ไมล์ด้วยพลังงานไฟฟ้าและเทคโนโลยีไฮบริด แบบไร้เสียง
  • เพิ่มระบบการขับเคลื่อนอัตโนมัติในอนาคต หลังจากที่ผ่านการทดสอบด้านความปลอดภัยแล้ว

มีที่ขึ้นลงเครื่องบินของตัวเอง ราคาเข้าถึงได้

หนึ่งในภาพโมเดล Skyport ที่ Uber ออกแบบร่วมกับ Pickard Chilton / ARUP | Photo: Uber

สำหรับการใช้บริการก็ยังทำผ่านแอปพลิเคชัน Uber เหมือนเดิม แต่ผู้โดยสารจะต้องขึ้นเครื่องและลงจอดในจุดรับส่งที่เรียกว่า Skyport ที่อาคารที่ตั้งอยู่ในย่านชุมชนเมืองหรือสนามบิน ซึ่ง Skyport บางแห่งอาจรองรับเที่ยวบิน Uber Air ได้มากถึง 200 เที่ยวต่อชั่วโมง หรือ 1 ลำในทุก 24 วินาที

ทางบริษัทระบุเพิ่มเติมว่า กำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานที่กำกับดูแลด้านการบินทั่วโลกเพื่อให้ได้รับอนุมัติอย่างถูกกฎหมาย โดยเรียนรู้จากบทเรียนในอดีตที่ผ่านมาซึ่งพบว่าต้องทำงานร่วมกับผู้มีอำนาจให้มากขึ้นอีกด้วย

โดยคาดการณ์ว่าจะทดลองให้บริการภายในปี 2020 ซึ่ง Dara Khosrowshahi ในฐานะ CEO Uber ประกาศว่าเมือง Dallas รัฐ Texas และนคร Los Angeles รัฐ California ประเทศสหรัฐอเมริกา จะเป็นสองเมืองแรกที่เปิดทดลองการให้บริการดังกล่าว และอีก 5 ปีข้างหน้าหรือปี 2023 จะสามารถใช้บริการในเชิงพาณิชย์ได้อย่างเต็มตัว

ส่วนเรื่องของอัตราค่าบริการนั้น CEO Uber ระบุว่าจะพยายามทำให้บริการดังกล่าวมีราคาอยู่ในระดับราคาที่คนทั่วไปเข้าถึงได้

สรุป

  • Uber เริ่มเปิดรับเมืองต่างๆ จากทั่วโลกเข้าที่สามารถให้บริการ "แท็กซี่บินได้" (Flying Taxi) ในชื่อ UberAIR ได้
  • เผยโมเดล "แท็กซี่บินได้" ที่ออกแบบร่วมกับกองทัพสหรัฐฯ ออกมาให้เห็นแล้ว มีใบพัดขนาดเล็ก 4 ใบในแนวราบ และอีก 1 ใบพัดที่หางเครื่องบิน ที่ช่วยให้ควบคุมการขึ้น, ลง และบินในแนวตั้ง-แนวนอนได้อย่างรวดเร็ว
  • พร้อมระบุกำลังทำงานร่วมกับหน่วยงานที่กำกับดูแลด้านการบินทั่วโลก
  • เริ่มเปิดทดลองบินปี 2020 และเริ่มให้บริการจริงปี 2023

การเปิดตัวครั้งนี้ถือว่าเป็นการประชันเทคโนโลยีด้านเครื่องบินไฟฟ้าที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะก่อนหน้านี้เมื่อปีที่แล้วบริษัท Airbus, Rolls-Royce และ Siemens เตรียมสร้างเครื่องบินไฮบริดในชื่อ E-Fan X ใช้พลังงานไฟฟ้าร่วมขับเคลื่อน รวมไปถึงเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Airbus, Larry Pages ผู้ก่อตั้ง Google และ บริษัทสตาร์ทอัพด้านอากาศยานสัญชาติเยอรมัน เปิดตัวโปรเจกต์ Kitty Hawk ที่เตรียมให้บริการแท็กซี่บินได้ในชื่อ Cora ด้วยเช่นกัน

อ้างอิงข้อมูลและภาพจาก Uber, Reuters, Fast Company, Mashable, The Verge, VOA และ VOA Thai

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Apple Vision Pro ขายไม่ดีอย่างที่คิด Apple ลดคาดการณ์ยอดขายกว่าครึ่ง ปรับแผนใหม่

Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์สาย Apple เผยว่า Apple ได้ลดตัวเลขยอดขาย Apple Vision Pro ในปีนี้เหลือเพียง 400-450,000 เครื่องเท่านั้น ต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ (มากกว่า 700–800,000 เครื่อง)...

Responsive image

Apple ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 55% ตั้งเป้าสู่ Net Zero ในปี 2030

Apple เผยรายงานความก้าวหน้าด้านสิ่งแวดล้อม และประกาศปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจก ประจำปี 2024...

Responsive image

สร้างวิดีโอสมจริง ใช้แค่รูปนิ่งกับคลิปเสียง รู้จักโมเดล VASA-1 ที่ Microsoft กำลังวิจัย

แค่ใช้รูปถ่ายกับคลิปเสียง ก็สามารถสร้างวิดีโอของเราได้แบบสมจริง ด้วยโมเดล VASA-1 ตัวใหม่จาก Microsoft ที่ต้องบอกว่าทั้งน่าทึ่ง น่าประทับใจ และน่ากลัวด้วย...