
ภาพจำของการเล่นเกมคือการเสียเวลาเป็นกิจกรรมที่ทำลายสมาธิ หรือหนักสุดก็ถูกมองว่า “ทำให้สมองฝ่อ” แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา งานวิจัยด้านสมองกลับเริ่มตั้งคำถามกับความเชื่อนี้อย่างจริงจัง
มีนักวิจัยหลายคนพบว่า เกมอาจไม่ใช่ผู้ร้ายอย่างที่คิดและในบางกรณียังช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองได้ด้วยซ้ำ แต่ไม่ได้หมายความว่า “ยิ่งเล่นเกมเยอะยิ่งดี” ผู้เชี่ยวชาญย้ำตรงกันว่าประโยชน์ของเกมขึ้นอยู่กับทั้ง ประเภทของเกม และ วิธีการเล่น หากเล่นมากเกินไปหรือเล่นแบบขาดสมดุล ผลลัพธ์ก็อาจกลับด้านได้ไม่ต่างจากกิจกรรมอื่น ๆ
สำหรับนักวิจัยเกมไม่ใช่แค่ของเล่นแก้เบื่อ แต่เป็นเหมือนสนามซ้อมให้สมองได้เจอปัญหาจริงๆ อาจารย์ Aaron Seitz จากมหาวิทยาลัย Northeastern อธิบายว่า เวลาเราเล่นเกมสมองต้องทำงานหนักหลายด้านพร้อมกัน ทั้งต้องคิดเร็ว ตัดสินใจทันที วางแผน และแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งคล้ายกับสิ่งที่ต้องเจอในชีวิตประจำวัน ต่างจาก "เกมฝึกสมองทั่วไป" ที่จะทำมาแบบง่ายๆ จนสมองแทบไม่ได้ออกแรง
ซึ่งผลวิจัยยืนยันว่าเกมช่วยฝึกสมาธิและการวางแผนได้จริง แถมยังอาจช่วยชะลอไม่ให้สมองเสื่อมเร็วเมื่อแก่ตัวลง ตัวอย่างที่ชัดเจนคือเกม "StarCraft II" ที่พบว่าคนเล่นเกมนี้สมองมีการเชื่อมต่อและรับส่งข้อมูลดีกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะเรื่องการโฟกัสและการตัดสินใจ ที่สำคัญคือไม่จำเป็นต้องเล่นเก่งระดับเซียน แค่คนธรรมดาที่ไม่เคยเล่นมาก่อน พอได้ลองฝึกเล่นแค่ไม่กี่สิบชั่วโมง ก็ช่วยกระตุ้นสมองให้ทำงานดีขึ้นและแก่ช้าลงได้
ปัญหาของการเล่นเกมฝึกสมองส่วนใหญ่คือ เรามักจะเก่งขึ้นแค่ในเกมนั้น แต่ไม่ได้ทำให้สมองด้านอื่นดีขึ้นจริงๆ ตัวอย่างเช่น นักหมากรุกที่ดูเหมือนความจำดีมาก เวลาแข่งจริงเขาจำตำแหน่งตัวหมากได้แม่นยำ แต่ถ้าลองเอาตัวหมากมาวางมั่วๆ แบบที่เล่นจริงเขาไม่ทำกัน นักหมากรุกก็จะจำไม่ได้เหมือนคนทั่วไป นั่นแปลว่าเขาไม่ได้มีความจำดีเป็นพิเศษ เขาแค่จำรูปแบบของเกมเก่งเฉยๆ ทักษะนี้เลยเอามาใช้ประโยชน์ในชีวิตจริงไม่ได้
แต่เกมแอ็กชันกลับเป็นข้อยกเว้นที่ช่วยพัฒนาสมองได้จริง เพราะความวุ่นวายในเกมบังคับให้เราต้องตาไวและตัดสินใจในเสี้ยววินาทีตลอดเวลา การฝึกแบบนี้เปรียบเหมือนการอัปเกรดเครื่องยนต์ของสมองให้ทำงานเร็วขึ้นโดยตรง ไม่ใช่แค่การจำสูตรการเล่น พอเราเลิกเล่นแล้ว ทักษะความตาไวและสมาธิที่ดีขึ้นนี้จึงติดตัวออกมาใช้ในชีวิตจริงได้ด้วย ทำให้เราเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ได้เร็วกว่าคนอื่น
ถึงเกมจะมีข้อดี แต่ผู้เชี่ยวชาญทุกคนเตือนเหมือนกันว่า "ห้ามเล่นเยอะเกินไป" นักวิจัยบอกตรงๆ ว่า การนั่งเล่นเกมมาราธอนหลายชั่วโมงไม่ได้ช่วยให้สมองดีขึ้น เผลอๆ จะแย่เอา สิ่งที่ดีที่สุดคือ "ต้องเล่นให้พอดี"
งานวิจัยส่วนใหญ่แนะนำให้เล่นแค่ครั้งละ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมงก็พอ และต้องเล่นแบบตั้งใจ ไม่ใช่เล่นไปเรื่อยเปื่อย และต้องหัน "เล่นเกมใหม่ๆ" ด้วยเพราะถ้าเราเล่นเกมเดิมจนเซียนแล้ว สมองจะเริ่มชินและไม่ได้ออกแรงคิด นักวิจัยเปรียบเทียบให้เห็นภาพว่าช่วงที่สมองได้ฝึกจริงๆ คือตอนที่เรากำลังรู้สึกหงุดหงิดว่า "ทำไมเล่นไม่ผ่านสักที" ถ้าเล่นผ่านฉลุยแปลว่าสมองไม่ได้พัฒนาแล้ว
แต่ทั้งนี้ก็ต้องคอยเช็กตัวเองด้วย ถ้าเริ่มเล่นจนเสียงาน เสียเพื่อนหรือสุขภาพพัง อันนั้นคือสัญญาณอันตรายแล้ว และแน่นอนว่าเกมไม่ใช่ยาวิเศษที่จะเสกให้สมองดีได้ในพริบตา เรายังต้องนอนหลับให้พอ ออกกำลังกาย และไปเจอผู้คนตามปกติ เกมเป็นแค่ "ตัวช่วยเสริม" เท่านั้น
อ้างอิง: washingtonpost
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด