ไวรัสลูกผสม Covid XE XJ คืออะไร รุนแรงแค่ไหน อาการเป็นอย่างไร ? | Techsauce

ไวรัสลูกผสม Covid XE XJ คืออะไร รุนแรงแค่ไหน อาการเป็นอย่างไร ?

Covid XE XJ ตอนนี้มีรายงานถึงการระบาดของเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ไฮบริดดังกล่าวในประเทศไทยแล้ว ทำให้เราอาจจะต้องมารู้จักกับเชื้อโควิดลูกผสมทั้ง 2 นี้กันว่ามีความรุนแรง และมีอาการที่แตกต่างหรือเหมือนกับเชื้อโอไมครอนดั้งเดิมอย่างไรบ้าง ?

โควิด XE XJ ตอนนี้มีรายงานถึงการระบาดของเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ไฮบริดดังกล่าวในประเทศไทยแล้ว ทำให้เราอาจจะต้องมารู้จักกับเชื้อโควิดลูกผสมทั้ง 2 นี้กันว่ามีความรุนแรง และมีอาการที่แตกต่างหรือเหมือนกับเชื้อโอไมครอนดั้งเดิมอย่างไรบ้าง ?

โควิด XE XJ คืออะไร ?

โอไมครอนสายพันธุ์ XE เป็นสายพันธุ์ลูกผสมที่เกิดจากการรวมกันของสายพันธุ์ย่อยที่หนึ่ง (BA.1) และสายพันธุ์ย่อยที่สอง (BA.2) ซึ่งการแพร่ระบาดนั้นเริ่มพบที่ประเทศอังกฤษเป็นประเทศแรก ตั้งแต่ 19 มีนาคม 2565 โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อ 637 ราย

เช่นเดียวกับสายพันธุ์ XJ ที่เป็นการรวมกันของสายพันธุ์ BA.1 และ BA.2 แต่จะต่างกันที่จุดเชื่อมโครงสร้างจีโนมของไวรัส พบครั้งแรกในฟินแลนด์ และมีการคาดการว่าทั้งสองสายพันธุ์จะสามารถแพร่กระจายและติดเชื้อซ้ำได้ ซึ่งชื่อนี้ยังไม่ได้ถูกตั้งเป็นชื่อทางการโดยองค์การอนามัยโลก (WHO : World Health Organization) จนกว่าสายพันธุ์ดังกล่าวจะแสดงอาการทางคลินิกที่รุนแรงแตกต่างไปจากสายพันธุ์อื่น 

โควิด XE XJ รุนแรงแค่ไหน และอาการเป็นอย่างไร?

การแพร่กระจายของเชื้อโอไมครอนทั้งสองสายพันธุ์นั้นมีความรุนแรงที่เท่ากันคือสามารถแพร่ติดเชื้อได้เร็วกว่าสายพันธุ์ย่อย BA.2 และแพร่ได้รวดเร็วกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม และมีความสามารถในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันเทียบเท่ากับสายพันธุ์ BA.2 โดยอาการเฉพาะตัวนั้นจะมีอาการเช่นเดียวกับสายพันธุ์โอไมครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม คือ จะไม่ค่อยพบการสูญเสียการรับกลิ่นและรส ไม่พบอาการมีไข้ แต่จะมีอาการปวดหัว อ่อนเพลียอ่อนล้า ตั้งแต่อาการไม่มากนัก จนกระทั่งถึงลุกไม่ไหว น้ำมูกไหล และไอ เจ็บคอ เป็นต้น 

โควิด XE XJ มีวิธีการรักษา และป้องกันการติดเชื้ออย่างไร ?

ปัจจุบันเชื้อโอไมครอนไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ย่อยใดก็ตามจะมีวิธีการรักษาและการป้องกัน คือการกักตัวแบบ Home Isolation โดยจะรักษาและกินยาตามอาการ ไม่จำเป็นที่จะต้องไปนอนโรงพยาบาลเพราะเชื้อโอไมครอนไม่ได้รุนแรงเท่ากับสายพันธุ์เดลตาที่มีผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจ ส่วนวิธีการป้องกันไม่ให้ได้รับเชื้อก็เหมือนกับสายพันธุ์อื่น ๆ ได้แก่ 

1. การป้องกันการติดเชื้อควรจะรับวัคซีนโควิด-19 ให้เร็วที่สุด

2. สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา โดยเฉพาะในพื้นที่สาธารณะ

3. รักษาระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร

4. ล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือแอลกอฮอล์ทุกครั้ง

5. เลี่ยงพื้นที่ปิด อากาศไม่ถ่ายเท เปิดหน้าต่างเมื่ออยู่ในพื้นที่ปิด

6. สำรวจอาการตัวเองอย่างสม่ำเสมอ

7. ปิดจมูกและปากด้วยข้อพับด้านในข้อศอก หรือกระดาษชำระเมื่อไอ หรือจาม

8. ตรวจด้วยชุดตรวจชนิดเร่งด่วน Antigen Test Kit (ATK) ทันทีถ้ามีภาวะเสี่ยง หากผลเป็นบวก ต้องไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยด้วยการตรวจแบบ RT-PCR โดยเร็วที่สุดเพื่อเข้ารับการรักษาและควบคุมโรคต่อไป

ล่าสุดพบการติดเชื้อโควิด XE XJ ในไทยแล้ว!

ล่าสุดประเทศไทยได้มีรายงานของผู้ที่ติดเชื้อ Omicron XE และ XJ แล้วสายพันธุ์ละ 1 ราย โดยศูนย์จีโนมทางการแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งปัจจุบันผู้ติดเชื้อทั้งสองได้หายจากอาการโควิดแล้ว และได้มีการสุ่มตรวจ ATK คนรอบข้างไม่พบว่ามีผู้ใดติดเชื้อ 

จากการค้นพบนี้ ศาสตราจารย์ซูซาน ฮอปกิ้นส์ หัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์ของสำนักงานบริการสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร (UK Health Services Agency) หรือ "UKHSA" ได้กล่าวว่า “การเกิดสายพันธุ์ลูกผสมไม่ใช่เรื่องแปลก และเนื่องจากความเข้ากันไม่ได้ระหว่างเชื้อกับสิ่งแวดล้อมจึงทำให้เชื้อนั้นสูญพันธุ์ไปเองอย่างรวดเร็ว ต่างจากโควิด-19 สายพันธุ์ทั่วไป”

ความน่าเป็นห่วงของเศรษฐกิจไทยในช่วงการระบาดของเชื้อโอไมครอน

ที่ผ่านมาไทยได้รับผลกระทบจากเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์มาแล้ว โดยสร้างความเสียหายให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดของ GDP ในประเทศเป็นอย่างมากตั้งแต่ช่วงปลายเดือนธันวาคมปี 2564 ที่ไทยประกาศยกเลิกการเปิดรับนักท่องเที่ยวผ่านระบบ Test & Go และกลับไปใช้ระบบกักตัวเป็นการชั่วคราวอีกครั้ง บวกกับการระบาดของเชื้อโอไมครอนที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่เกิดขึ้น เป็นผลให้ EIC ได้มีการปรับประมาณการจีดีพีปี 2565 ของไทยจาก 3.2% เหลือเพียง 2.7%

ซึ่งหากว่าเชื้อโอไมครอนทั้งสายพันธ์ุ XE และสายพันธุ์ XJ มีความรุนแรงที่แตกต่างจากสายพันธุ์อื่น ๆ และมีการพบจำนวนผู้ที่ติดเชื้อของทั้งสองสายพันธุ์ในประเทศไทยเพิ่มขึ้น จนกลายเป็นสายพันธุ์หลักประเทศแล้ว อาจส่งผลให้เศรษฐกิจของไทยนั้นมีสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงมากขึ้นทั้งในด้านการเงิน และการทองเที่ยวก็เป็นได้

อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถบอกได้ว่าเราควรที่จะจับตามองและเฝ้าระวังเชื้อโอไมครอนสายพันธุ์ XE และ XJ อย่างจริงจังหรือไม่ ตราบใดที่โอไมครอนทั้งสองสายพันธุ์ยังไม่มีการยืนยันถึงความรุนแรงที่ต่างไปจากสายพันธุ์อื่น ๆ และไม่ผลสรุปจากการวิจัยด้วยการถอดรหัสพันธุกรรมอย่างละเอียด


อ้างอิง

Center for Medical Genomics 

Principal Healthcare Company

EIC OUTLOOK

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Disrupt Health Impact Fund ปิดดีลแรก ลงทุนใน "DiaMonTech" สตาร์ทอัพ DeepTech พัฒนาเทคโนโลยีวัดระดับกลูโคส โดยไม่ต้องเจาะเลือด

ดิสรัปท์ เทคโนโลยี เวนเจอร์ (Disrupt) เดินหน้าขับเคลื่อนระบบนิเวศ Healthcare หลังเปิดตัวกองทุน Disrupt Health Impact Fund เมื่อเดือนพฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ล่าสุดประกาศความสำเร็จในก...

Responsive image

Binance Labs ลงทุนใน BIO Protocol เพื่อเร่งพัฒนาเทคโนโลยีแบบกระจายศูนย์ (DeSci)

Binance Labs ได้ลงทุนใน BIO Protocol ซึ่งเป็นโปรโตคอลที่บุกเบิกการเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดหาเงินทุนและการนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์สำหรับงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ในระยะเริ่มต้นโดยใช้เทคโนโลยีบ...

Responsive image

Tencent จับมือ Visa เปิดตัวระบบชำระเงินด้วยฝ่ามือ (Palm Payment) ในสิงคโปร์

Tencent ประกาศความร่วมมือกับ Visa เพื่อเปิดตัวระบบจ่ายเงินรูปแบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีจดจำฝ่ามือ โดยเริ่มให้บริการในประเทศสิงคโปร์เป็นที่แรก...