ในปี 2018 ประเทศไทยมีตัวเลขผู้ใช้ Mobile Banking สูงถึง 41.2 ล้านคน ในขณะเดียวกันมีผู้ใช้งาน LINE 44 ล้านคน กสิกรไทยมีลูกค้าอยู่ 16.9 ล้านคน เมื่อ LINE ต้องการเข้ามาอยู่ในทุกช่วงเวลาของทุกคน และกสิกรไทยต้องการให้บริการทางการเงินเข้าถึงคนไทยทุกคนพร้อมกับรับมือ Digital Disruption จึงเกิดเป็น LINE BK บริการที่จะทำให้รูปแบบการทำธุรกรรมทางการเงินของคนไทยเปลี่ยนไป โดยตั้งเป้าเริ่มให้บริการในปี 2020
ย้อนกลับไปปลายปี 2018 ธนาคารกสิกรไทย สร้างความตื่นตัวให้กับวงการธนาคาร ด้วยการจับมือกับ LINE ตั้งบริษัทร่วมกันในชื่อบริษัทกสิกรไลน์ จำกัด โดยโมเดลธุรกิจแบบนี้ LINE ที่ต้องการเข้าสู่บริการทางการเงิน ได้ดำเนินการในหลายประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น ไต้หวัน และอินโดนีเซีย โดยสำหรับในไทย บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างธนาคาร กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (ลงทุนผ่านบริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด) 50% และ บริษัท ไลน์ คอร์ป (ลงทุนผ่านบริษัท ไลน์ ไฟแนนเชียล เอเชีย) อีก 50% ด้วยทุนจดทะเบียน 2,200 ล้านบาท และในปีนี้ได้เปิดตัวบริการทางการเงินรูปแบบใหม่ในประเทศไทยภายใต้แบรนด์ ‘LINE BK’ พร้อมแต่งตั้ง ‘ธนา โพธิกำจร’ นั่งแท่น CEO บริษัท
นอกจากการเปิดตัวที่สร้างความตื่นตัวให้กับโลกการเงินแล้ว การแต่งตั้งธนา โพธิกำจรนั่งตำแหน่ง CEO ก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่สร้างความฮือฮาไม่แพ้กัน เพราะก่อนหน้านั้นเรียกว่าดำเนินงานอยู่ในธุรกิจที่เป็นคู่แข่งอย่างธนาคารไทยพาณิชย์ อีกทั้งเป็นเบื้องหลังคนสำคัญของ SCB Easy
โดยธนาคารกสิกรไทยเผยว่า คุณธนาถือเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีประสบการณ์ด้าน Digital Banking ที่ธนาคารไทยพาณิชย์มากว่า 7 ปี และเพิ่งได้รับรางวัล Digital Banker of the Year 2018 จาก The Asset โดยก่อนหน้านั้น นายธนาผ่านประสบการณ์ทางด้านเทคโนโลยีจาก Silicon Valley
ด้านคุณธนา เปิดเผยว่า "การเข้ามารับตำแหน่งผู้บริหารบริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด ถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย อย่างไรก็ตามก็มีปัจจัยที่น่าสนใจในการรับงานนี้ เนื่องจากประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางด้านดิจิทัล แบงกิ้งอย่างรวดเร็ว คนไทยค่อนข้างจะคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตบนโลกดิจิทัล ดูได้จากการที่ไทยเป็นประเทศลำดับต้นๆ ทั้งในด้านการใช้เวลาบนโลกออนไลน์และจำนวนผู้ใช้งาน Mobile Banking ชี้ให้เห็นถึงความพร้อมของคนไทย นอกจากนี้แล้วพบว่ายังมีโอกาสทางธุรกิจในเรื่องการพัฒนาบริการทางการเงินในรูปแบบดิจิทัลเพื่อนำเสนอแก่ลูกค้าอยู่อีกพอสมควร นื่องจากมีคนไทยอีกถึง 50% ที่ยังไม่ได้รับบริการของธนาคารอย่างเต็มที่ และยังขาดบริการทางการเงินรูปแบบดิจิทัลที่ปรับให้เหมาะกับผู้ใช้งานบางกลุ่มอยู่”
ผลักดันโมเดลทางธุรกิจรูปแบบใหม่มุ่งสู่เป้าหมายในการพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลผ่านช่องทางดิจิทัล ตลอดจนปั้นบริการทางการเงินบนแพลตฟอร์มโชชียลมีเดียเพื่อสร้างประสบการณ์แบบใหม่ๆ ให้ลูกดสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินที่ใช้งานได้ง่าย มีความสนุก ปลอดภัย และตอบทุกโจทย์ความต้องการของลูกค้า
เมื่อตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา คำถามต่อมาก็คือ LINE BK จะทำอะไร ซึ่งคุณธนาได้เปิดเผยว่า LINE BK จะสร้างบริการการเงินรูปแบบใหม่บน LINE โดยมีระบบหลังบ้านเป็นของธนาคารกสิกรไทย ผู้ที่จะใช้งานได้นั้นต้องเป็นลูกค้าและมีบัญชีกับธนาคาร โดยจะสามารถทำธุรกรรมเช่น การโอนเงิน ตรวจสอบบัญชีการฝาก-ถอนได้ สำหรับเป้าหมายที่คุณธนาใช้คำว่า “ฝัน” อยากให้เป็นคือ ‘การให้บริการสินเชื่อ’ ที่เข้าถึงคนทุกกลุ่ม อย่างง่าย เหมือนการแชท LINE โดยที่ทุกคนเหมือนมีธนาคารอยู่ในมือ
เมื่อสอบถามถึงเรื่องความปลอดภัย เพราะทุกวันนี้มักมีเหตุการณ์ LINE โดน Hack คุณธนาได้ให้คำตอบว่า หลังบ้านของการเงินนั้นจะเป็นของธนาคารกสิกรไทย ดังนั้นการันตีด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นสิ่งที่ธนาคารนั้นคำนึงถึงอยู่แล้ว
สำหรับการบริการต่างๆรวมถึงบริการสินเชื่อ จะเริ่มให้ผลักดันให้บริการในกลางปี 2020 โดยมีเป้าหมายแรกคือเริ่มต้นลูกค้าที่ 1 ล้านราย
คุณธนาได้เปิดเผยตามตรงว่า LINE BK คือการป้องกันการถูก Disruption โดยจะ Disrupt รูปแบบการเงินเดิมๆ ที่จะเข้าถึงกลุ่มคนที่ไม่เคยเข้าถึง ทั้งนี้ในส่วนบริการ LINE Pay ที่มีอยู่ จะเป็นส่วนที่ช่วยส่งเสริมให้บริการนั้นเต็มรูปแบบครบวงจรมากขึ้น
รูปแบบการดำเนินธุรกิจของ LINE ในการจับมือกับธนาคารนั้นไม่ได้เริ่มแค่ประเทศไทย แต่ยังมีอีก 3 ประเทศที่ดำเนินการอยู่ โดย LINE ต้องการที่จะเป็นแพลตฟอร์มที่อยู่ในทุกๆช่วงเวลาของผู้ใช้งาน รวมถึงการทำธุรกรรมทางการเงินด้วย โดยธนาคารกสิกรไทยเรียกได้ว่าเดินเกมถูก ในการเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้บริการที่อาจยังไม่มีและยังทำให้รูปแบบการเงินของธนาคารกสิกรไทย ยังคงอยู่บนแอปยอดฮิตของคนไทยกว่า 44 ล้านคน
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด