เมื่อการการระบาดของไวรัส COVID-19 ไม่ได้ส่งผลแค่ 1 หรือ 2 ประเทศเท่านั้น แต่ส่งผลกระทบทั่วโลก แน่นอนว่าหลาย ๆ อุตสาหกรรมได้รับแรงกระทบอย่างมหาศาล แต่ภาคส่วนที่ดูเหมือนจะน่าเป็นห่วงมากที่สุดก็อาจจะเป็นภาค “การท่องเที่ยว” จากความกังวลในความเสี่ยงการติดเชื้อ ทำให้ความมั่นใจในการเดินทางนั้นลดน้อยลงแทบเป็นศูนย์ รวมทั้งมาตรการการปิดประเทศที่ได้เข้ามาซ้ำเติม ทำให้ในบางประเทศนั้นไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเลยในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ดังนั้นบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับ “Travel Bubble” ที่จะทำให้โอกาสในการท่องเที่ยงระหว่างประเทศนั้นกลับมา
Travel Bubble ก็คือการที่กลุ่มประเทศนั้นตกลงที่จะเปิดประเทศให้แก่กันและกัน เพื่อที่จะให้ผู้คนนั้นสามารถเดินทางไปในอีกประเทศหนึ่งได้ โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน ในการทำ Travel Bubble นี้แน่นอนว่าจะต้องใช้ความเชื่อมั่นและความเชื่อใจในการควบคุมไวรัสในอีกประเทศหนึ่งมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตรวจสอบ การติดตาม และการกักตัวที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งทาง Per Block นักวิจัยจาก Oxford ก็ได้เผยว่าวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ “ทั้งสองประเทศนั้นจะต้องไม่มีจำนวนเคสผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเลย” รวมถึงจะต้องไม่อนุญาติประเทศอื่น ๆ เข้ามาอีกด้วย ซึ่งการทำเช่นนี้จะช่วยให้คนสามารถเดินทางและกักตัวได้ในขอบเขตที่กว้างขึ้นและยังปลอดภัย รวมถึงการทำ Travel Bubble นั้นอนุญาติให้คนแต่ละประเทศนั้นสามารถเดินทางได้ ซึ่งก็หมายความว่าการทำเช่นนี้จะเป็นตัวช่วยสำคัญในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ในตอนนี้ก็ได้มีประเทศที่เริ่มสนใจในการทำ Travel Bubble บ้างแล้ว อย่างเช่นประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ซึ่งสองประเทศนี้ก็เป็นตัวอย่างความสำเร็จที่สามารถจะจัดการและควบคุมสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ออสเตรเลียมีเคสผู้ติดเชื้อใหม่ 15 รายและนิวซีแลนด์มีศูนย์ราย) ซึ่งทางรัฐบาลก็ได้เตรียมวางแผนที่จะอนุญาติให้ผู้พักอาศัยในสองประเทศนี้เดินทางไปกลับได้ ซึ่งจาก CNN เผยว่าชาวออสเตรเลียจำนวนกว่า 40% นั้นเดินทางไปยังนิวซีแลนด์ “ถ้าสองประเทศนี้สามารถแสดงว่าการทำ Travel Bubble นั้นเป็นไปได้ ประเทศอื่น ๆ ก็อาจจะนำวิธีนี้ไปใช้เช่นกัน” ซึ่งหากจำนวนผู้ติดเชื้อในออสเตรเลียนั้นเหลือศูนย์ ทั้งสองประเทศก็อาจจะทำข้อตกลงอย่างเสร็จสมบูรณ์
นอกเหนือจากนี้ประเทศในกลุ่มประเทศบอลติกอย่าง เอสโทเนีย ลัตเวีย และลิทัวเนีย ก็ได้เริ่มเปิดประเทศเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้ผู้ทำพำนักอาศัยอยู่ในประเทศเหล่านี้สามารถเดินทางไปยัง 3 ประเทศนี้ได้ ในส่วนของฟินแลนด์และโปแลน หากจำนวนผู้ติดเชื้อนั้นเหลือน้อยลง ก็อาจจะเข้าร่วมในกลุ่มประเทศบอลติกเช่นกัน
ในส่วนของเช็กเกียก็ได้เริ่มวางแผนที่จะเปิดประเทศในวันที่ 8 มิถุนายนนี้แล้ว ซึ่งผู้ที่จะเข้ามาในประเทศจะต้องมาจากประเทศที่อยู่ในระดับปลอดภัยแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นกลุ่มประเทศออสเตรีย สโลวาเกีย และโครเอเชีย ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาอยู่ และประเทศเยอรมันก็กำลังวางแผนการเปิดประเทศกับฝรั่งเศส ออสเตรียและสวิตเซอร์แลนด์ในวันที่ 15 มิถุนายนนี้หากมีการควบคุมไวรัสที่มีประสิทธิภาพ
ปฎิเสธไม่ได้ว่าไทยนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่พึ่งพาการท่องเที่ยวอย่างมาก และแน่นอนว่าก็ได้รับผลกระทบมากเช่นกัน ในการเข้าช่วยเหลืออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ประเทศไทยก็กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาจับคู่การเดินทางเช่นกัน ซึ่งนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬานั้นเผยว่าสถานการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 ในประเทศไทยนั้นดีขึ้นแล้ว จากการควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้ติดเชื้อส่วนมากนั้นเป็นผู้ติดเชื้อที่เข้ามาจากต่างประเทศเท่านั้น ซึ่งการทำ Travel Bubble ของไทยนั้นถึงแม้จะอยู่ในขึ้นตอนการหารือ แต่ก็คาดว่าจะสามารถเริ่มได้ในปลายปีนี้
อ้างอิง: SmithsonianMagazine, TheBangkokInsight
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด