คุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำความเชื่อมั่นทางธุรกิจ พร้อมไขข้อข้องใจเรื่องที่ WHA ประกาศชะลอแผน IPO ของ บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (“WHAID”) ออกไป เนื่องจากสภาวะตลาดผันผวนกว่าที่คาด
ตามที่ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (“WHA” หรือ “บริษัทฯ”) แจ้งมติคณะกรรมการบริษัทเกี่ยวกับการชะลอแผนการออกและเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนเป็นครั้งแรก สำหรับการนำหุ้นสามัญของ บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (“WHAID”) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (“แผน IPO”) และการปรับโครงสร้างการถือหุ้นใน บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) (“WHAUP”) เนื่องด้วยสภาวการณ์ตลาดทุนที่มีความผันผวนมาก การตัดสินใจเดินหน้าธุรกรรมตามแผน IPO ในสถานการณ์เช่นนี้ อาจไม่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อบริษัทฯ และผู้ถือหุ้น
โดยบริษัทฯ ยังคงเชื่อมั่นในแผนการลงทุนเพื่อสร้างโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยยังคงวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้และส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้น 2.9 เท่าภายในปี 2573 จากการเติบโตของทั้ง 5 กลุ่มธุรกิจหลัก ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจโมบิลิตี้ ธุรกิจพัฒนานิคมอุตสาหกรรม ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน และธุรกิจดิจิทัล โดยยังคงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง
คุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแผน IPO ของ WHAID และการปรับโครงสร้างการถือหุ้นใน WHAUP ที่มีการเตรียมการมาระยะเวลาหนึ่ง โดยผ่านกระบวนการพิจารณาวางแผน และการเตรียมการร่วมกับที่ปรึกษาในด้านต่างๆ มาอย่างรอบคอบในช่วงปีที่ผ่านมานั้น บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าแผน IPO นี้ จะสามารถสร้างประโยชน์ เพิ่มความสามารถในการเติบโต และเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืนในระยะยาว
"อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ที่สภาวะตลาดทุนของประเทศไทยมีความผันผวนมากในปัจจุบัน ซึ่งเป็นผลจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ประกอบกับการที่บริษัทฯ ได้รับฟังมุมมองและข้อคิดเห็นเพิ่มเติมจากนักวิเคราะห์ นักลงทุนสถาบัน นักลงทุนรายย่อย และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง หลังจากการประกาศแผน IPO ของ WHAID ก่อนหน้านี้ บริษัทฯ จึงได้ตัดสินใจที่จะชะลอแผน IPO ของ WHAID และการปรับโครงสร้างการถือหุ้นใน WHAUP ออกไปก่อน เพื่อให้การดำเนินธุรกรรมดังกล่าวเกิดประโยชน์สูงสุด และมีความชัดเจนต่อผู้ถือหุ้น"
WHA สามารถใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงาน และการจัดหาแหล่งเงินทุนต่างๆ มาลงทุนตามแผนธุรกิจและงบลงทุน โดยยังคงรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนในระดับต่ำกว่า 1.20 เท่า แม้จะชะลอแผน IPO ของ WHAID
"โดยบริษัทฯ จะติดตามและประเมินปัจจัยแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง ทั้งสภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มตลาดทุน ความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อตลาดทุนของประเทศไทย ตลอดจนผลการดำเนินงานและโอกาสการเติบโตของทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัท"
ด้วย Sentiment ตลาดที่ไม่ดี ดัชนีหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีการปรับตัวลงมา 240 จุดนับตั้งแต่ต้นปี คุณจรีพรให้ข้อมูลเพิ่มว่า ได้พูดคุยกับที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้บริหารและเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ระดับประเทศ หลายบริษัทก็มีแผนที่จะ Spin-off (แยกธุรกิจออกมาเป็นบริษัทใหม่) แต่เมื่อไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่า สถานการณ์ในตลาดทุนไทยจะดีขึ้นเมื่อไหร่ จึงเลื่อนแผน Spin-off ออกไปเช่นเดียวกัน
"ต้องบอกว่ามันเป็นปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ไม่ว่าจะเป็นความไม่มั่นใจในเรื่องเศรษฐกิจ ความไม่มั่นใจในรัฐบาล การที่เราไม่มีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง GDP ประเทศที่มีอัตราการเติบโตต่ำ รวมถึง 2-3 ปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า ในตลาดหลักทรัพย์ฯ มีบางบริษัทที่ประสบปัญหาเรื่องธรรมภิบาล มันจึงกระทบเรื่องความเชื่อมั่น" คุณจรีพรแสดงความคิดเห็นและเกริ่นถึงอนาคตว่า WHAID อาจกลับมา IPO ได้อีกครั้งในอีก 2 ปีข้างหน้า
งบลงทุนในปี 2025 อยู่ที่ 20,000 ล้านบาท คงเดิม การชะลอเข้า IPO ของ WHAID จึงไม่กระทบธุรกิจแต่อย่างใด
ปัจจุบัน WHA Group มองเห็นโอกาสการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจและวางเป้าหมายของแต่ละธุรกิจเอาไว้ ดังนี้
บริษัทฯ เตรียมขยายธุรกิจโลจิสติกส์ทั้งในไทยและเวียดนาม โดยมุ่งเน้นพื้นที่ยุทธศาสตร์ เช่น สมุทรปราการ EEC และเมืองรองของประเทศไทย รวมทั้งขยายคลังสินค้าขนาดใหญ่ในเวียดนาม เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซและอุตสาหกรรมส่งออก ตั้งเป้าสร้างโครงการใหม่ประมาณ 200,000 ตารางเมตร ภายในปี 2568 ซึ่งจะทำให้สินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการเพิ่มเป็นประมาณ 3,309,000 ตารางเมตร และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 4,297,000 ตารางเมตร ในอีก 5 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ สำหรับ บริษัท ดับบลิวเอชเอ จีซี โลจิสติกส์ จำกัด (WGCL) มุ่งเป้าสู่การยกระดับจากการให้บริการการจัดการขนส่งและคลังสินค้า (3PL) ไปสู่การวางแผน ออกแบบ และบูรณาการระบบโลจิสติกส์อย่างครบวงจร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับบริษัทและลูกค้า (4PL) โดยอาศัยจุดแข็ง และความเชี่ยวชาญร่วมของ WHA และ PTTGC เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มในธุรกิจโลจิสติกส์
อีกหนึ่งธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ซึ่งในปัจจุบันประกอบไปด้วย 3 บริการหลัก ได้แก่ บริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV Rental Service) บริการสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (On Premise & Public EV Charging Solution) และโมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน (Mobilix Software Solution) ซึ่งมุ่งเน้นการให้บริการกลุ่มลูกค้า B2B โดยตั้งเป้าจำนวนผู้ใช้บริการรถเช่าสะสมจำนวน 1,700 คันภายในปี 2568 และเป็น 20,000 คัน ภายในปี 2572
ยังเติบโตต่อในฐานะผู้นำในตลาดนิคมอุตสาหกรรมของประเทศไทย และเร่งขยายการเติบโตในประเทศเวียดนาม เพื่อดึงดูดนักลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มดาต้าเซนเตอร์ และกลุ่มสมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ โดยตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนนิคมอุตสาหกรรมและเขตประกอบการอุตสาหกรรมในประเทศไทยและประเทศเวียดนามจากทั้งหมด 15 แห่งเป็น 17 แห่งภายในปี 2568 นอกจากนี้ WHAID ตั้งเป้าที่จะพัฒนาที่ดินอุตสาหกรรมในอีก 5 ปีข้างหน้า เพิ่มอีก 12,700 ไร่ รวมเป็น 88,000 ไร่
ล่าสุด WHAID ประกาศเดินหน้าโครงการนิคมอุตสาหกรรม WHA Eastern Seaboard Industrial Estate 5 (WHA ESIE 5) เฟสที่ 1 บนพื้นที่กว่า 4,000 ไร่ ในพื้นที่อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง พร้อมให้นักลงทุนเริ่มเข้าก่อสร้างได้ปลายปี 2568 โดยมุ่งเน้นรองรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายซึ่งจะช่วยผลักดันประเทศไทยให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมแห่งอนาคตระดับโลก ได้แก่
สำหรับธุรกิจสาธารณูปโภค มุ่งขยายธุรกิจน้ำอุตสาหกรรมและบำบัดน้ำเสียทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม โดยจะเดินหน้าพัฒนา Smart Water Solutions เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินการ โดยตั้งเป้ายอดจำหน่ายน้ำและบำบัดน้ำเสียรวมประมาณ 173 ล้านลูกบาศก์เมตรภายในปี 2568 และเพิ่มเป็นประมาณ 280 ล้านลูกบาศก์เมตรในปี 2572 สำหรับธุรกิจพลังงาน มุ่งขยายการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนทั้งในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม ควบคู่ไปกับการเดินหน้าพัฒนาโซลูชันพลังงานใหม่ โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเป็น 1,185 เมกะวัตต์ภายในปี 2568 และเพิ่มเป็นประมาณ 1,600 เมกะวัตต์ในปี 2572
เป็นธุรกิจที่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งในการนำเทคโนโลยีต่างๆ เช่น AI และ IoT มาประยุกต์ใช้ในแต่ละธุรกิจภายในกลุ่มบริษัทฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินงาน โดยตั้งเป้าหมายพัฒนา 5 แอปพลิเคชันใหม่ ภายในปี 2568
อย่างไรก็ตาม WHA Group ยังคงมุ่งมั่นในการสร้างความเติบโตของธุรกิจ ตลอดจนการสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้น ลูกค้า คู่ค้า และผู้มีส่วนได้เสียในทุกส่วน สอดคล้องกับพันธกิจ WHA: WE SHAPE THE FUTURE ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับผู้คน สังคม และประเทศไทยต่อไป
อยากให้ทุกคนเห็นข่าวดีของประเทศไทยนะคะ ปีที่แล้ว BOI เผยตัวเลขด้าน Investment 1.1 ล้านล้านบาท เฉพาะ FDI (การลงทุนจากต่างประเทศ) 7-8 แสนล้านบาท สูงที่สุดตั้งแต่มี BOI มาเลยค่ะ และกระแสนี้ก็ยังดีต่อเนื่อง ที่เห็นหลักๆ ก็จะอยู่ในกลุ่มยานยนต์ แบตเตอรี่, เครื่องใช้ไฟฟ้า, เทคโนโลยี, สินค้าอุปโภคบริโภค และเราก็ยังเห็นเทรนด์นี้ไปอีกหลายปี ประเทศไทยยังมีดีนะคะ ไม่ต้องกังวลค่ะ
คุณจรีพรกล่าวย้ำเพื่อให้คนไทยเห็นโอกาสทางธุรกิจ และแนะให้ติดตามเมกะเทรนด์เพื่อให้รู้เท่าทัน ขยับตัวทัน ไม่ว่านโยบายโดนัลด์ ทรัมป์ จะเปลี่ยนไปอย่างไร เศรษฐกิจโลกหรือไทยจะขยับตัวไปในทิศทางก็ตาม
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด