ทำไมตลาดรถยนต์ไทยถึงอาจซบเซาสุดในรอบ 15 ปีแม้ว่ารถ EV จะขายดีก็ตาม ?

ตลาดรถยนต์ไทยมองผิวเผินอาจจะดูเหมือนเติบโตจากการเข้ามาของแบรนด์ EV จีน ซึ่งทำให้เกิดการแข่งขันทั้งทางฝั่งรถ ICE รวมถึงการทำสงครามราคาเพื่อดึงดูดผู้ซื้อ แต่ในความเป็นจริงแล้วตลาดรถยนต์ไทยกำลังอยู่ในภาวะหดตัวอย่างน่าใจหาย และมีโอกาสที่ยอดขายรถยนต์ในไทยระยะ 1-2 ปีนี้มีโอกาสต่ำสุดในรอบ 15 ปี 

รายงานของ Krungthai COMPASS ระบุว่า ตลาดรถยนต์ไทยกำลังอยู่ในภาวะหดตัวอย่างต่อเนื่อง เดือนกันยายน 2567 ติดลบหนัก -37.1% เมื่อเทียบเป็นปีต่อปี ซึ่งนับเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 16 ติดต่อกัน ซึ่ง 9 เดือนแรกของปี 2567 ไทยมียอดขายราว 0.44 ล้านคัน ลดลงจากปีก่อนหน้าราว 25%

สำหรับกลุ่มรถยนต์ที่หดตัวแรงจัดอยู่ในกลุ่ม Commercial Car เช่น รถกระบะ และ PPV ซึ่งเป็นผลมาจากการหดตัวของภาคก่อสร้าง จึงทำให้ความต้องการของรถกระบะ และรถบรรทุกลดลงตามไปด้วย ขณะที่ Passenger Car หรือรถส่วนบุคคล หดตัวไปราว 0.38 แสนคันเมื่อเทียบปีต่อปี 

รายงานระบุว่า แม้รถยนต์ไฟฟ้าล้วน (BEV) จะช่วยทำให้ยอดขายยังขยายตัวได้ แต่ก็ไม่สามารถชดเชยกับตัวเลขการหดตัวของรถยนต์กลุ่ม Non-BEV ที่หดตัวไปมากกว่า -17% เมื่อเทียบปีต่อปี 

คำถามต่อมาคือ ทำไมยอดขายรถยนต์ถึงติดลบหนักเช่นนี้ ? Krungthai COMPASS วิเคราะห์ว่ามี 2 สาเหตุสำคัญคือ

1.กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงจากเศรษฐกิจที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ 

โดยผู้บริโภคไทยยังไม่เชื่อมั่นต่อภาวะเศรษฐกิจไทยที่กำลังชะลอตัว รวมถึงยังมีปัญหาด้านรายได้ที่ไม่สอดคล้องกับภาระค่าครองชีพ และหนี้สิน รวมทั้งผู้บริโภคไทยกำลังประสบปัญหาขาดสภาพคล่อง

2.ภาวะหนี้ครัวเรือนสูง ปัญหาหนี้เสีย และคุณภาพของผู้กู้

ปัญหาหนี้ของครัวเรือนไทยอยู่ในระดับสูงถึง 89.6% ของ GDP ส่งผลกระทบต่อการชำระหนี้ที่ลดลงจนทำให้เกิดหนี้เสียจำนวนมาก โดยข้อมูลเมื่อเดือนสิงหาคม 2567 หนี้เสียภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 1.18 ล้านล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้เสียจากสินเชื่อรถยนต์ราว 2.6 แสนล้านบาท

จากประเด็นด้านภาวะเศรษฐกิจ และเครดิตของผู้กู้ที่ลดลงนี้เอง ส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังสถาบันการเงินที่จะปล่อยสินเชื่อยากขึ้น บางรายปรับเพิ่มเงินดาวน์เพื่อคัดกรองกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อจริง โดน Krungthai COMPASS มองว่า ยอดขายรถยนต์ไทยในปี 2567-2568 อาจต่ำเพียยงปีละ 0.6-0.61 ล้านคัน น้อยกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 0.79 ล้านคัน ซึ่งการที่จะทำให้ยอดขายรถยนต์ในไทยกลับมาบูมเหมือนช่วงก่อนโควิด-19 ที่ 1 ล้านคัน อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยีก 5 ปี

ยอดขายรถยนต์ไทยลดลง ใครได้ผลกระทบ ?

1.ดีลเลอร์รถยนต์

84% ของรายได้ทั้งหมดของดีลเลอร์มาจากการขายรถยนต์ รองลงมาเป็นการซ่อมบำรุง และรายได้อื่นๆ จึงทำให้เป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับดีลเลอร์ที่จะควบคุมต้นทุน fixed cost เช่น เงินเดือนพนักงาน อะไหล่สำหรับบำรุงรักษา ไปจนถึงค่าเช่าสถานที่ท่ามกลางรายได้ที่ลดลงตามยอดขาย

Krungthai COMPASS ตั้งข้อสังเกตว่า ดีลเลอร์ที่ขายรถยนต์สันดาป (ICE) มีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบมากกว่าดีลเลอร์ที่ขายรถยนต์ xEV ซึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าล้วน รวมถึงรถยนต์ไฮบริด

2.ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์

ยอดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ มีโอกาสหดตัวมาถึง 10-15% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยข้อมูลจากสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย เผยว่า 66% ของยอดคงค้างสินเชื่อเช่าซื้อมาจากรถยนต์ใหม่ ตามมาด้วยรถยนต์มือสองที่ 22.1% และสินเชื่อจำนำทะเบียนที่ 9.4% จึงทำให้ผู้ประกอบการด้านสินเชื่อเช่าซื้อได้รับผลกระทบอย่างหนัก จะปล่อยกู้ง่ายก็อาจต้องเผชิญความเสี่ยงด้านหนี้เสีย หากปล่อยกู้เข้มงวดก็อาจไม่มีรายได้เข้ามามากพอ

3.ยอดผลิตรถยนต์

Krungthai COMPASS ประเมินว่า ยอดกรผลิตรถยนต์ของไทยอาจลดลงเหลือที่ 1.62-1.66 ล้านคันจากเดิม 1.88 ล้านคันในปี 2565 เป็นผลมาจากภาวะรถยนต์ในประเทศที่เซบเซาจากกำลังซื้อที่จำกัด รวมถึงปัญหาเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของการเปลี่ยนผ่านสู่รถยนต์ไฟฟ้าที่เข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ในไทย

รายงานระบุว่า สิ่งที่ควรจับตามองคือ ความเสี่ยงด้านอุปทานล้นตลาด หรือ Oversupply จากค่ายรถ EV ที่เร่งการผลิตเพื่อชดเชยการนำเข้าตามมาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า โดย Krungthai COMPASS คาดว่า ไทยจะมีการผลิตรถยนต์ชดเชยคืนตามมาตรการ EV 3.0 มากถึง 1.15-1.2 แสนคัน ซึ่งหากยังไม่สามารถหาตลาดส่งออกได้ อาจทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคาจากภาวะสต็อกล้นตลาด

อีกหนึ่งสิ่งที่ Krungthai COMPASS อยากให้จับตามองคือ ผลกระทบต่อ Supply Chain จากการที่โรงงานผลิตรถยนต์ของรถญี่ปุ่นบางค่ายที่เตรียมปิดโรงงาน หรือหยุดสายการผลิต ซึ่งจะทำให้ธุรกิจอย่างผู้ผลิตชิ้นส่วน รวมถึงธุรกิจปลายน้ำอย่างดีลเลอร์รถยนต์ ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง

อ้างอิง : Krungthai COMPASS



ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

เจาะดีล Netflix เข้าซื้อ Warner Bros ทำไมถึงยอมจ่ายมากถึง 8.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำไมหลายคนไม่เห็นด้วย

นับเป็นข่าวใหญ่ที่สะเทือนวงการบันเทิงหนัง Netflix เจ้าตลาดสตรีมมิ่งประกาศเข้าซื้อกิจการ Warner Bros. ซึ่งนับรวมถึงสตูดิโอสร้างภาพยนตร์-โทรทัศน์ และธุรกิจสตรีมมิ่ง HBO Max และ HBO ด...

Responsive image

ซีอีโอ AWS ชี้ AI Agents จะเปลี่ยนโลกยิ่งกว่าอินเทอร์เน็ต เราอาจได้เห็น AI Agent พันล้านตัวรันองค์กร

AWS ซีอีโอประกาศชัด AI Agents จะสร้างผลกระทบต่อโลกธุรกิจยิ่งกว่าอินเทอร์เน็ตและ Cloud พร้อมเปิดยุคที่ ‘AI Agent พันล้านตัว’ ทำงานอัตโนมัติอยู่หลังองค์กรทั่วโลก เร่งผลตอบแทนทางธุรกิ...

Responsive image

วิกฤตสมองไหลใน Apple ไม่จบ ! ล่าสุด Meta ดึงตัว Alan Dye หัวหน้าทีมดีไซน์ Apple ผู้คุมออกแบบ Liquid Glass ใน iOS26

เจาะลึกสมองไหลใน Apple ปี 2025 เมื่อผู้เชี่ยวชาญ AI หลายคนย้ายไป Meta, OpenAI และ Cohere ส่งผลต่ออนาคต Apple Intelligence...