เทรนด์ทำงานปี 2025 โฟกัสให้ถูกจุด พักให้เป็น ทุ่มเทให้กับงานที่สำคัญ

เทรนด์การทำงาน

ถ้าย้อนกลับไปไม่กี่ปีก่อน หลายคนอาจยังรู้สึกว่า “ทำเยอะ = สำเร็จ” แต่ในปี 2025 มุมมองนั้นกำลังเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เพราะผู้คนเริ่มให้ความสำคัญกับการทำงานอย่างมีเป้าหมาย ชัดเจน และใส่ใจตัวเองมากขึ้น

รายงาน The 2024 State of Modern Work and Well-being จาก Sunsama ชี้ให้เห็นว่า คนทำงานยุคใหม่กว่า 90% มีความยืดหยุ่นในการจัดตารางเวลามากขึ้น ไม่ได้ยึดติดกับระบบเข้า–ออกงานแบบเดิมอีกต่อไป แต่หันมาให้ความสำคัญกับ “การโฟกัสที่ตัวงานให้ตรงจุด” มากกว่า

ทำงานให้ได้ผล ไม่จำเป็นต้องทำเยอะข้อมูลจากรายงานระบุว่า 69% ของผู้ตอบแบบสอบถามพบว่า “ช่วงเช้า” โดยเฉพาะก่อนเที่ยง เป็นช่วงที่มีประสิทธิภาพในการทำงานมากที่สุด สอดคล้องกับคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่แนะให้ใช้เวลาช่วงสมองปลอดโปร่งจัดการกับงานยาก

ในขณะเดียวกัน หลายคนเริ่มหันมาใช้วิธีจัดสรรเวลาอย่างเป็นระบบ เช่น การแบ่งเวลาเป็นช่วง ๆ (time-blocking หรือ Pomodoro) เพื่อช่วยให้โฟกัสกับงานตรงหน้าได้ดียิ่งขึ้น วิธีเหล่านี้ไม่ใช่เพียงเทคนิค productivity ทั่วไป แต่คือเครื่องมือที่ช่วยให้เรารับมือกับ “สิ่งรบกวน” และ “ความผัดวันประกันพรุ่ง”

Timeboxing: เทคนิคเล็ก ๆ ที่เปลี่ยนวิธีทำงานได้อย่างชัดเจนหนึ่งในเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่คนทำงานยุคใหม่คือ “Timeboxing” หรือการกำหนดเวลาชัดเจนบนปฏิทินสำหรับแต่ละงาน เช่น 

  • 09:00–10:30 น. → ทำงานที่สำคัญ    
  • 14:00–14:30 น. → ตอบอีเมล  
  • 16:30–17:00 น. → ดูภาพรวมก่อนจบวัน

แทนที่จะมีแค่ To-do list ยาวเหยียด Timeboxing ช่วยให้เรา “รู้ว่าควรทำอะไร เมื่อไหร่” ช่วยลดความล้าในการตัดสินใจ และหลีกเลี่ยงการทำหลายอย่างพร้อมกัน ซึ่งมักบั่นทอนคุณภาพของงาน

ในยุคที่ทำงานแบบยืดหยุ่นหรือรีโมตมากขึ้น Timeboxing กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้าง “กรอบเวลา” ให้เรายังคงมีสมดุล และทำงานได้อย่างมีเป้าหมาย

แม้แนวโน้มการทำงานจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น แต่ความเครียดจากการทำงานก็ยังคงอยู่ รายงานเผยว่ากว่า 50% ของผู้คนยังรู้สึกเครียดจากงานบ่อยครั้ง มีเพียง 12% เท่านั้นที่บอกว่าตนแทบไม่รู้สึกเครียดเลย

แปลว่าแม้จะมีเครื่องมือหรือแนวคิดใหม่ ๆ แต่การปรับตัวให้ชีวิตการทำงานสมดุลขึ้นยังคงเป็นโจทย์สำคัญที่เราต้องเรียนรู้และฝึกฝน

นิยามใหม่ของ "ความสำเร็จ" เราอาจเคยเชื่อว่าความสำเร็จมาจากการทำงานหนัก ทำให้เยอะ และไม่หยุดพัก แต่ปี 2025 นี้ หลายคนเริ่มมองต่างออกไป พวกเขาให้ความสำคัญกับคุณภาพของงาน การพักผ่อนให้เพียงพอ และการมีเวลากับสิ่งที่มีความหมายในชีวิตมากขึ้น

Ashutosh ซีอีโอของ Sunsama สรุปประเด็นไว้ชัดเจนว่า 

2025 คือปีแห่งการทำงานอย่างมีสติ ไม่ใช่การทำงานให้น้อยลงโดยไม่มีเป้าหมาย แต่คือการเลือกทำเฉพาะสิ่งที่สำคัญ และหยุดเสียเวลากับสิ่งที่ไม่จำเป็น

ปีนี้อาจเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะกลับมาทบทวนว่า “รูปแบบการทำงานที่ใช่” สำหรับตัวเราคืออะไร จะเป็นการใช้เทคนิคบริหารเวลา หรือการใส่ใจกับสุขภาพมากขึ้น

หากปีที่ผ่านมาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ปีนี้อาจเป็นเวลาที่เหมาะจะเปลี่ยนวิธีคิด จาก “ต้องทำให้มากที่สุด” มาเป็น “ทำในสิ่งที่สำคัญที่สุด” แล้วปล่อยให้ชีวิตการทำงานของเรากลับมาอยู่ในจุดที่พอดี

อ้างอิง: forbes

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

จีนพัฒนา ‘Vision Heat’ เซนเซอร์มองทะลุควัน-หมอก ความละเอียด 4K ไม่ต้องใช้ความเย็น เห็นภาพความร้อนเหมือนตาของงู!

นักวิจัยจีนพัฒนาเซนเซอร์อินฟราเรด 4K แรงบันดาลใจจากตาของงู ใช้ Quantum Dots ผสาน CMOS ทำงานได้ที่อุณหภูมิห้อง เตรียมปฏิวัติกล้องสมาร์ทโฟนและรถไร้คนขับให้มองเห็นทะลุความมืดและหมอกคว...

Responsive image

เด็ก 19 สร้างนวัตกรรม ถุงมือพิมพ์งานในอากาศ จากการเรียนคอร์สออนไลน์ฟรี MIT จนคว้ารางวัล SxSW Sydney 2025

พบกับ Freesia Gaul เด็กวัย 19 ที่ย้ายโรงเรียนถึง 13 ครั้ง แต่ใช้คอร์สเรียนฟรีจาก MIT สร้างถุงมือ VR พิมพ์งานกลางอากาศจนคว้ารางวัล SxSW และเปิด Startup ได้สำเร็จ...

Responsive image

Google Labs เปิดตัว ‘CC’ AI Agent สาย Productivity เลขาส่วนตัวอัจฉริยะ สรุปงาน–ส่งเมล–นัดประชุมให้เสร็จในคลิกเดียว

Google Labs เปิดตัว ‘CC’ AI Agent ผู้ช่วยสาย Productivity ที่เชื่อม Gmail, Calendar และ Drive เข้าด้วยกัน ช่วยสรุปงาน ร่างอีเมล และจัดการนัดหมายแบบอัตโนมัติ เปลี่ยน Inbox ให้กลายเป...