“ASW” ผนึก “ทาคาระ เลเบ็น” พันธมิตรยักษ์ใหญ่อสังหาฯ ญี่ปุ่น ร่วมทุนต่อเนื่อง ลุยแคมปัสคอนโดฯ ‘เคฟ ซี้ด เกษตร’ มูลค่าโครงการกว่า 1,350 ล้านบาท
บมจ.แอสเซทไวส์ หรือ ASW ประกาศร่วมทุนต่อเนื่องกับพันธมิตรอสังหาฯ ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น “ทาคาระ เลเบ็น” ลุยพัฒนาโครงการแคมปัสคอนโดฯ แห่งใหม่ “เคฟ ซี้ด เกษตร” มูลค่าโครงการกว่า 1,350 ล้านบาท บนทำเลฮอตแนวรถไฟฟ้าใกล้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตอกย้ำความเชื่อมั่นในศักยภาพบริษัทฯ และโครงการ ผสมผสานจุดแข็งของพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เข้ากับจุดแข็งของ ASW ด้านการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์อสังหาฯ สร้างสรรค์โครงการตอบสนองการอยู่อาศัยของ Gen Z และให้ผลตอบแทนคุ้มค่าแก่นักลงทุน
คุณกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัท ทาคาระ เลเบ็น (Takara Leben) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่นได้ร่วมทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ โดยบริษัทฯ ถือหุ้น 51% และทาคาระ เลเบ็น ถือหุ้น 49% เพื่อร่วมกันพัฒนาแคมปัสคอนโดโครงการ “เคฟ ซี้ด เกษตร”
โครงการดังกล่าวออกแบบเป็นห้องชุดแบบ 1 – 2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 22 – 47 ตารางเมตร จำนวน 600 ยูนิต ราคาเริ่มต้นยูนิตละ 1.89 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,350 ล้านบาท ตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 34 ใกล้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยมีดีไซน์ที่โดดเด่น ทันสมัยและเป็นเอกลักษณ์
โดย ASW ได้นำประสบการณ์ความเป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์เข้ามาพัฒนาโครงการ โดยมอบส่วนกลางขนาดใหญ่กว่า 30 รายการที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการทั้งวัยเรียนและวัยทำงาน ผสมผสานเข้ากับประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของทาคาระ เลเบ็น เพื่อพัฒนาโครงการเคฟ ซี้ด เกษตร ให้เป็นคอนโดฯ ที่มีความโดดเด่นสามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่
การร่วมทุนกับบริษัท ทาคาระ เลเบ็น นับเป็นการร่วมกันพัฒนาคอนโดฯ โครงการที่ 2 หลังจากก่อนหน้านี้ได้ร่วมทุนพัฒนาโครงการคอนโดฯ ในย่านบางนา รวมมูลค่าโครงการที่พัฒนาร่วมกันแล้วกว่า 3,550 ล้านบาท ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นใน ASW ที่เป็นบริษัทอสังหาฯ ชั้นนำ และมีแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลายทั้งแนวราบและแนวสูงครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์
โดยเฉพาะแคมปัสคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ “เคฟ” (KAVE) นับว่าเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างดี จากการวางตำแหน่งทางการตลาดที่ชัดเจนมุ่งเจาะกลุ่ม Gen Z สอดรับกับดีมานด์ของตลาด จึงได้กระแสตอบรับที่ดีจากกลุ่มคนรุ่นใหม่และนักลงทุนอสังหาฯ
“การร่วมทุนครั้งนี้กับทาคาระ เลเบ็น ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นของพันธมิตรในศักยภาพของ ASW กับการเป็นผู้พัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำของประเทศที่มุ่งเน้นไลฟ์สไตล์ ประกอบกับแนวคิดด้านการพัฒนาโครงการที่คล้ายคลึงกัน คือมุ่งเน้นการสร้างความสุขแก่ผู้อยู่อาศัย และวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่มีความชำนาญ เข้าใจดีมานด์ของตลาด นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ ‘เคฟ’ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่มีศักยภาพสูง โดยโครงการเคฟ ซี้ด เกษตร ตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพ และการดีไซน์ที่โดดเด่น สามารถสร้างผลตอบแทน (Yield) ที่ดีให้กับนักลงทุนอสังหาฯ ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 40% ของมูลค่าโครงการ” คุณกรมเชษฐ์ กล่าว
ด้านคุณฮิโรชิ อิวะโมโตะ Director บริษัท ทาคาระ เลเบ็น จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น โดยมีรายได้รวม ทั้งสิ้น 162,740 ล้านเยน หรือประมาณ 41,631 ล้านบาท (ณ มีนาคม 2565) มีประสบการณ์พัฒนาอสังหาฯ มาแล้วกว่า 500 โครงการ ภายใต้แบรนด์ Leben , The Leben , Nebel และ Leben Platz และมีธุรกิจโรงไฟฟ้า และโรงแรมในญี่ปุ่น ปัจจุบันบริษัทฯ ขยายการลงทุนอสังหาฯ ไปในภูมิภาคอาเซียน เช่น ไทย, เวียดนาม เป็นต้น
“เรามองว่าแนวโน้มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยยังมีศักยภาพเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะโครงการคอนโดฯ แนวรถไฟฟ้าและใกล้แหล่งสถานศึกษา บริษัทฯ จึงร่วมทุนกับ ASW เพื่อพัฒนาคอนโดฯ โครงการที่ 2 เพื่อต่อยอดความสำเร็จจากการร่วมพัฒนาโครงการแรกในย่านบางนา โดยมองว่า ASW เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ที่มีความทันสมัย มีความมุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตของการอยู่อาศัยให้ตอบโจทย์กับทุกไลฟ์สไตล์และทุกเจเนอเรชั่น สอดรับกับวิสัยทัศน์ของเรา” คุณฮิโรชิ อิวะโมโตะ กล่าว
ทั้งนี้ ASW ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 45 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่ แบรนด์ เคฟ (KAVE), แบรนด์ แอทโมซ (ATMOZ), แบรนด์ โมดิซ (MODIZ), แบรนด์ เอสต้า (ESTA) และ แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR) รวมมูลค่าโครงการกว่า 48,050 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 33 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 12 โครงการ ปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 9,218 ล้านบาท
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด