Binance พาย้อนรอยโลกคริปโตปี 2022 เผยท่ามกลางเรื่องร้ายยังมีเรื่องดีซ่อนอยู่ | Techsauce

Binance พาย้อนรอยโลกคริปโตปี 2022 เผยท่ามกลางเรื่องร้ายยังมีเรื่องดีซ่อนอยู่


“Too many people miss the silver lining because they're expecting gold” คนจำนวนมากมักจะพลาดสิ่งดีๆ ไปเพราะมัวแต่คาดหวังสิ่งที่สูงกว่านั้น - มอริซ ไซเตอร์ ที่ปรึกษาทางด้านเงินชื่อดัง

ปี 2022 ถือเป็นปีที่หนักหน่วงสำหรับแวดวงคริปโตและบล็อกเชน เนื่องจากการเกิดเหตุการณ์ที่ทำลายความเชื่อมั่นจนทำให้ทั้งนักลงทุนรวมถึงหน่วยงานกำกับดูแลมองอุตสาหกรรมคริปโตและบล็อกเชนเปลี่ยนไป และส่งผลกระทบในระยะยาวซึ่งอุตสาหกรรมคริปโตจำเป็นต้องพยายามกู้คืนความเชื่อมั่นกลับมา

แต่ทั้งนี้ หากมองให้ลึกลงไปจะพบว่า ในปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมคริปโตก็ยังมีเรื่องราวดีๆ ซ่อนอยู่ ทั้งในด้านความสำเร็จของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การขยายการเข้าถึง การเปิดตัวโซลูชันใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ รวมถึงข้อคิดที่ได้จากบทเรียนครั้งสำคัญที่เพิ่งเกิดขึ้น

BUIDLing – การสร้างและพัฒนาเพื่อการใช้งานในวงกว้าง – ด้านการขยายเครือข่ายบล็อกเชนให้รองรับธุรกรรมได้มากขึ้น

ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ผู้คนในอุตสาหกรรมต่างพยายามพัฒนาโซลูชันในการขยายเครือข่ายบล็อกเชน (Scalability) เพื่อให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมต่างๆ ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เพราะความพร้อมดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในคุณสมบัติอันพึงประสงค์ 3 ประการของบล็อกเชน (Blockchain Trilemma) เช่นเดียวกับความปลอดภัย (Security) และการกระจายศูนย์ (Decentralization)  ซึ่งเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2022 ที่ผ่านมา อีเธอเรียมได้ทำการอัปเกรด The Merge หรือการเปลี่ยนกลไกจากระบบ Proof-of-Work เป็น Proof-of-Stake เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการใช้งานในวงกว้าง โดยการเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับความพร้อมด้านการขยายเครือข่าย หรือ scalability ที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมนับตั้งแต่การเปิดตัว Taproot ของบิทคอยน์  รวมถึงยังช่วยให้เครือข่ายอีเธอเรียมสามารถลดการใช้พลังงานได้ถึง 99.95% อีกด้วย

ด้านการเพิ่มการเข้าถึงบริการและทรัพยากรคริปโต

การเข้าไม่ถึงการใช้งานคริปโตถือเป็นอุปสรรคสำคัญที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต้องเร่งแก้ไข เพราะถ้าไม่สามารถขยายการเข้าถึงในวงกว้างได้ การใช้งานคริปโตอย่างแพร่หลายก็ไม่มีทางเกิดขึ้น ดังนั้นในปีที่ผ่านมา Binance จึงได้มุ่งมั่นที่จะเพิ่มการเข้าถึงบริการและทรัพยากรด้านคริปโตมาโดยตลอด ผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มให้สามารถรองรับได้มากถึง 40 ภาษา การเปิดใช้งาน Binance Cards กว่า 1.7 ล้านใบให้ผู้ใช้งานในเขตเศรษฐกิจยุโรป และปัจจุบัน Binance มีผู้ใช้งาน Binance NFT มากกว่า 6 แสนรายต่อสัปดาห์ รวมถึงจัดการธุรกรรมคริปโตมูลค่าราว 2 พันล้านเหรียญสหรัฐต่อวัน

ด้านความปลอดภัยและการกำกับดูแลกฎระเบียบ

ปีที่ผ่านมาช่วยให้เราเห็นว่าหากต้องการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมไปข้างหน้า ผู้ให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลจะต้องปรับปรุงมาตรการรักษาความปลอดภัยและการกำกับดูแลกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดเพื่อให้สามารถปกป้องผู้ใช้งานคริปโตจากผู้ไม่ประสงค์ดีให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

สำหรับ Binance เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ได้ทำการจดทะเบียน การขอใบอนุญาต และขออนุญาตเข้าดำเนินกิจการมากถึง 14 รายการในประเทศต่างๆ ซึ่งรวมถึงประเทศเศรษฐกิจสำคัญอย่างดูไบและฝรั่งเศส พร้อมเสริมความแข็งแกร่งด้านการกำกับดูแลกฎระเบียบ ด้วยการขยายทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการกำกับดูแลจนมีจำนวนถึง 750 คน เพิ่มขึ้น 500% เมื่อเทียบกับปี 2021 รวมถึงการยกระดับมาตรฐานการรักษาความปลอดภัย ด้วยการอนุญาตเฉพาะผู้ใช้งานที่ยืนยันตัวตนด้วยเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการให้สามารถทำธุรกรรมเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลบนแพลตฟอร์ม Binance ได้เท่านั้น ซึ่งนี่ถือเป็นแนวทางที่จำเป็นเพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานในระบบนิเวศของเรามีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ความคืบหน้าของการใช้งานในระดับโลก

(แหล่งข้อมูล: Statista) จากผู้ตอบแบบสอบถามที่ระบุว่าตนเองครอบครองหรือใช้สกุลเงินคริปโต

ถึงแม้ว่าตลาดคริปโตจะเผชิญกับความท้าทายและปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศโดยรวม แต่การใช้งานคริปโตทั่วโลกยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับผู้ใช้รายย่อยและองค์กรต่างๆ ที่เริ่มนำเครื่องมือและบริการบล็อกเชนมาปรับใช้ โดยตัวเลขจากผู้ตอบแบบสอบถามของ Statista เผยว่า ปีที่ผ่านมาการครอบครองและใช้งานคริปโตยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องใน 56 ประเทศหลักที่มีการสำรวจเมื่อเทียบกับปี 2021 ซึ่งประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีการครอบครองและใช้งานคริปโตกว่า 44% ซึ่งถือเป็นอันดับ 2 รองจากประเทศไนจีเรีย นับว่าอัตราการเติบโตที่สูงเกือบเท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2019 ซึ่งผลสำรวจดังกล่าวตรงกับรายงานของ Hootsuite แพลตฟอร์มเครื่องมือจัดการโซเชียลมีเดียระดับโลก ที่ชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยติด 5 อันดับแรกของจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่ถือครองคริปโตในกลุ่มอายุ 16 - 64 ปี โดยยังมีการคาดการณ์ว่าภายในปี 2027 จำนวนผู้ถือครองคริปโตในประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงถึง 5.12 ล้านคนเลยทีเดียว

นอกจากนี้ ผลการศึกษาของ Binance Research พบว่า ในปีที่ผ่านมามีองค์กรดั้งเดิมหลายแห่งเริ่มเข้าสู่วงการคริปโตและมีการนำคริปโตและเทคโนโลยีบล็อกเชนมาปรับใช้ อาทิ JPMorgan, Rakuten, Tencent, Tesla, Instagram, PayPal, American Express, Nasdaq, McDonald’s, Google Cloud, Mastercard, Sony และ Nike ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงอนาคตอันสดใสของการยอมรับเทคโนโลยีบล็อกเชน ตลอดจนการใช้งานและคุณค่าที่แท้จริงของคริปโตที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง 

บทเรียนสำคัญจากปี 2022

อุตสาหกรรมคริปโตยังคงต้องมีความฉับไว พร้อมรับมือเหตุการณ์เขย่าวงการได้อย่างทันท่วงที

ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมคริปโตมุ่งเน้นไปที่การขับเคลื่อนการยอมรับคริปโตและพัฒนาเทคโนโลยีเป็นหลัก จนทำให้หลายบริษัทหลงลืมถึงการเตรียมพร้อมรับมือต่อเหตุการณ์ร้ายแรงต่างๆ ซึ่งจากวิกฤติการณ์ที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา ทำให้แพลตฟอร์มคริปโตต้องพยายามมากขึ้นเพื่อที่จะลดความเสี่ยงจากเหตุการณ์ต่างๆ และปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ด้วยการเพิ่มความโปร่งใส ยกระดับเกณฑ์การบริหารความเสี่ยง ตลอดจนส่งเสริมความเชื่อมั่นของผู้ใช้งาน

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา การปฏิบัติตามกฎระเบียบถือเป็นหนึ่งเรื่องที่ Binance ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเมื่อปี 2022 Binance ได้ทำการขยายจำนวนทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการกำกับดูแลจาก 500 คนเป็น 750 คน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องในการเสริมความแข็งแกร่งในด้านการกำกับดูแลกฎระเบียบให้เกิดขึ้นจริง อีกทั้งเมื่อเร็วๆ นี้ Binance ยังได้ประกาศการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Association of Certified Sanctions Specialists (ACSS) องค์กรเดียวที่เชี่ยวชาญด้านการปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตร เพื่อนำข้อมูลจากสื่อการฝึกอบรม ฐานข้อมูลที่ครอบคลุม และเครือข่ายเชิงลึกภายใน ACSS มาเพิ่มทักษะและความเชี่ยวชาญให้กับทีมงานผู้เชี่ยวชาญด้านการกำกับดูแลของ Binance เพื่อเดินหน้าในการกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมด้านความปลอดภัยและการปฏิบัติตามกฎระเบียบควบคู่ไปกับผู้เล่นรายอื่นๆ ต่อไป

จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต?

อุตสาหกรรมคริปโตเติบโตขึ้นอย่างเกินความคาดหมายในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา และแม้ว่าจะมีเหตุการณ์ด้านลบเกิดขึ้นในปี 2022 แต่อย่างไรก็ตามเราก็ได้สร้างความสำเร็จและความคืบหน้าต่างๆที่ไม่อาจคาดหมายได้เมื่อสองสามปีก่อน ซึ่ง Binance ในฐานะผู้ให้บริการแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลกในแง่ปริมาณการซื้อขาย ได้ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน เราจึงศึกษาเรียนรู้จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา พร้อมร่วมพูดคุยเพิ่มเติมกับผู้กำหนดนโยบาย รวมถึงการเรียกร้องให้ผู้ประกอบการรายอื่นดำเนินการเช่นเดียวกัน เพื่อเดินหน้าสู่หนทางการเติบโตของอุตสาหกรรมคริปโตที่มั่นคงยั่งยืนต่อไป

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

ททท. ประกาศผู้ชนะ TAT Travel Tech Startup 2024 ทีม HAUP คว้าชัย ร่วมผลักดัน ท่องเที่ยวไทยกับ 11 ทีม Travel Tech

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประกาศผลผู้ชนะโครงการ TAT Travel Tech Startup 2024 กิจกรรมบ่มเพาะและโจทย์ด้านการท่องเที่ยวสุดท้าทาย ร่วมกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญ ภายใต้แนวคิด WORLD...

Responsive image

ทำความรู้จักกับซิม IoT จาก SoftBank และ 1NCE จ่ายครั้งเดียว ใช้งานได้ต่อเนื่องถึง 10 ปี

รู้จักซิมการ์ด IoT จาก 1NCE เชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ทั่วโลกใน 173 ประเทศ ด้วยค่าใช้จ่ายครั้งเดียวใช้งานได้นาน 10 ปี เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการโซลูชันคุ้มค่าและจัดการง่าย...

Responsive image

AIS คว้ารางวัล Creative Equality Award ยกระดับชีวิต ส่งต่อพลังสร้างสรรค์เพื่อสังคม

AIS ตอกย้ำความเป็นเลิศทางความคิดสร้างสรรค์ คว้ารางวัล Creative Equality Award Creative ประเภท Social Impact Awards จากเวที Creative Excellence Awards 2024 ซึ่งเป็นผลจากความสำเร็จขอ...