BMW จับมือ Microsoft อัพเกรด BMW Connected Drive แอปฯ อัจฉริยะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า BMW | Techsauce

BMW จับมือ Microsoft อัพเกรด BMW Connected Drive แอปฯ อัจฉริยะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า BMW

บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย เปิดตัวบริการใหม่จาก BMW ConnectedDrive บริการและแอพพลิเคชั่นเพื่อการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดระหว่างผู้ขับ ยานยนต์และโลกภายนอก โดยฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดนี้จะเข้ามาตอบโจทย์การใช้งานของรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดในตระกูลบีเอ็มดับเบิลยู โดยร่วมมือกับ Microsoft นำเทคโนโลยี Cloud Computing 'Microsoft Azure' ร่วมกับ Open Mobility Cloud Platform ของ BMW 

คุณคริสเตียน วิดมานน์ ประธาน บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย กล่าวว่า “ปี 2018 นี้นับเป็นการครบรอบปีที่ 20 ของ BMW ConnectedDrive โดยบริการของเราล้วนได้รับการออกแบบมาเพื่อสร้างนิยามใหม่ให้แก่ประสบการณ์การขับขี่อย่างไร้ขีดจำกัด ปัจจุบัน แอพพลิเคชั่น BMW Connected มีผู้ใช้งานมากกว่า 2.3 ล้านคน และมีรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูกว่า 10 ล้านคันใน 45 ประเทศทั่วโลกที่ใช้ของระบบ BMW ConnectedDrive การเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่สำหรับ BMW ConnectedDrive ในครั้งนี้ เป็นอีกก้าวหนึ่งในการพลิกโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วยนวัตกรรมล้ำสมัยในประเทศไทย ภายใต้วิสัยทัศน์ NUMBER ONE > NEXT ของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ซึ่งมุ่งปูรากฐานอันแข็งแกร่งไปสู่อนาคตแห่งยนตรกรรมในโลกดิจิทัล”

ด้วยบริการ BMW ConnectedDrive สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู iPerformance ผู้ใช้งานจะสามารถควบคุมระบบต่างๆ ของรถได้จากระยะไกล อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับรถได้อย่างง่ายดาย ผ่านแอพพลิเคชั่น BMW Connected บน iPhone โดยบริการใหม่สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูปลั๊กอินไฮบริด ได้แก่

  • การแสดงสถานะรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบสถานะและระดับของแบตเตอรี่ ระยะทางที่คาดว่าจะแล่นได้ด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เหลืออยู่ และข้อมูลเกี่ยวกับการบำรุงรักษารถที่เหมาะสมกับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดได้
  • การควบคุมการชาร์จพลังงานไฟฟ้าและระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารจากระยะไกล ผู้ใช้งานสามารถเปิดหรือปิดเครื่องปรับอากาศในห้องโดยสารได้ผ่านทางสมาร์ทโฟน ได้ทั้งแบบสั่งงานทันทีและตั้งเวลา หากรถยนต์เชื่อมต่ออยู่กับสถานีชาร์จ ผู้ใช้งานยังสามารถตั้งเวลาการจ่ายไฟฟ้าได้ เพื่อเลือกให้ชาร์จไฟฟ้าในช่วง off peak หรือในช่วงเวลาที่มีความต้องการในการใช้ไฟฟ้าน้อยและมีอัตราค่าไฟฟ้าต่ำกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ

  • ระบบการนำทาง ที่สามารถค้นหาและนำทางไปยังสถานที่ต่างๆ รวมถึงสถานีอัดประจุไฟฟ้าด้วย
  • การประมวลและแสดงผลข้อมูลการขับขี่ ระบบแสดงประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการขับขี่ โดยวิเคราะห์รูปแบบการขับขี่และควบคุมรถยนต์บนท้องถนน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ของแต่ละบุคคล
  • บริการแจ้งช่วยเหลือฉุกเฉิน จากการพัฒนาของ BMW ConnectedDrive รถยนต์ที่มีระบบ BMW ConnectedDrive จะสามารถแจ้งเหตุฉุกเฉินอัตโนมัติ โดยระบบนี้จะเป็นระบบมาตรฐานของ BMW ConnectedDrive ทุกรุ่น

ดร. อเล็กซานเดอร์ คอเทช หัวหน้าฝ่ายบริหารผลิตภัณฑ์ BMW i ได้ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ด้านนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าว่า "ในขณะที่ความนิยมในยานยนต์ไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดทั่วโลก และยังคงมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอีกมากในอนาคต บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป จึงมีความมุ่งมั่นที่จะตอบรับความต้องการของผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการสร้างสายการผลิตรถยนต์ที่มีความยืดหยุ่นที่สุด โดยตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นไป รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ระบบไฟฟ้าโดยสมบูรณ์ ระบบปลั๊กอินไฮบริด และเครื่องยนต์สันดาป จะใช้โครงสร้างพื้นฐาน (Platform) ร่วมกัน เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ขับขี่ว่าบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป จะสามารถรองรับความต้องการของรุ่นรถยนต์และระบบขับเคลื่อนที่แตกต่างของผู้ขับขี่ได้ทุกที่ทุกเวลา"

ภายในปี 2025 BMW i จะมีรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด 25 รุ่น ประกอบไปด้วยรถยนต์ไฟฟ้าโดยสมบูรณ์ถึง 12 รุ่น ขณะที่แบรนด์และสายผลิตภัณฑ์อื่นๆ ภายใต้ความดูแลของบีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ก็ยังมีเป้าหมายที่จะพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง

BMW เลือกใช้ Microsoft Azure เป็น Platform สำหรับแอปพลิเคชั่น BMW ConnectedDrive ทั้งส่วนของการเป็นจัดการข้อมูลและการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ และยังมีการใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI มาใช้เพื่อการจัดการข้อมูลที่ดียิ่งขึ้น โดย Microsoft ได้จับมือกับ BMW ในฐานะ Global Partner เป็นที่เรียบร้อย

คุณธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “กระบวนการปฏิรูป ด้วยดิจิทัลกำลังผลักดันให้ทุกอุตสาหกรรมและทุกองค์กรทั่วโลกต่างต้องพลิกรูปแบบการทำธุรกิจเพื่อชิง ความได้เปรียบในการแข่งขัน สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์นั้น เป็นที่คาดการณ์กันว่าในปี 2021 รถยนต์ใหม่ในตลาดโลกกว่า 90 เปอร์เซ็นต์จะมาพร้อมกับคุณสมบัติการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์หรือโลกภายนอก ซึ่งทั้ง BMW ConnectedDrive และแพลตฟอร์ม Open Mobility Cloud ล้วนเป็นเทคโนโลยีที่ปูทางไปสู่ประสบการณ์การขับขี่แห่งอนาคต”

“ความร่วมมือของเรากับบีเอ็มดับเบิลยูถือเป็นการสานต่อวิสัยทัศน์ของโลกยุคใหม่ ที่เปี่ยมด้วยศักยภาพอันเหนือชั้นทั้งในระบบคลาวด์ ซึ่งสามารถขับเคลื่อนเราไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมด้วยความสามารถอันน่าทึ่งในการประมวลผลข้อมูล และในอุปกรณ์ปลายทาง ที่นำนวัตกรรมอย่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Internet of Things (IoT) มาเสริมประสิทธิภาพและความคล่องตัวในทุกขณะของชีวิต” นายธนวัฒน์กล่าวเสริม

บริการใหม่ข้างต้นจาก BMW ConnectedDrive สำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู iPerformance จะมาพร้อมกับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2561 เป็นต้นไป โดยรุ่นที่รองรับประกอบด้วย BMW 330e, BMW 530e และ BMW 740Le ผู้สนใจสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.bmw.co.th/th/topics/fascination-bmw/connected-drive/overview.html

ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด

No comment

RELATED ARTICLE

Responsive image

Responsible AI คืออะไร และทำไมธุรกิจคุณต้องรู้จัก ?

Responsible AI เทคโนโลยีเปลี่ยนเกมสำหรับธุรกิจไทย เรียนรู้วิธีสร้างองค์กรที่ยั่งยืนด้วยการใช้งาน AI อย่างมีจริยธรรมและปลอดภัย...

Responsive image

ปลดล็อกโอกาสแห่งอนาคต WHA Open House 2024 ร่วมสำรวจ ค้นคว้า กำหนดทิศทางอุตสาหกรรมไทย

WHA Group เปิดบ้านต้อนรับทุกท่านเป็นครั้งแรก ในงาน WHA Open House 2024: Explore – Discover – Shape the Future ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการแสดงศักยภาพของ WHA Group เพื่อค้นพบโอกาสใหม่ๆ ใน...

Responsive image

NocNoc จัดงานประกาศสุดยอดแบรนด์แห่งปี 'NocNoc Awards 2024' ยกย่องผู้ประกอบการ Home & Living สู่การเติบโตยั่งยืนในไทยและอาเซียน

NocNoc จัดงานประกาศผลรางวัลสุดยอดแบรนด์ Home & Living แห่งปี “NocNoc Awards 2024” ภายใต้ตีม “Hall of Friends” สะท้อนแบรนด์พาร์ทเนอร์บนแพลตฟอร์มที่เปรียบเสมือนเพื่อน มอบ 31 รางวัล จ...