
เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในแวดวงธุรกิจโรงแรมและการบริการของไทย เมื่อ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT ประกาศข่าวใหญ่ในวันที่ 12 กันยายน 2568 โดยระบุว่า นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ แม่ทัพหญิงผู้พลิกโฉมดุสิตธานีตลอดเกือบทศวรรษที่ผ่านมา ได้ตัดสินใจขอเกษียณอายุก่อนครบกำหนดจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม เพื่อเข้ารับตำแหน่ง “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์” ในทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่
การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังได้รับการทาบทามโดยตรงจากนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งนางศุภจีได้ตอบรับเพื่อร่วมเป็นหนึ่งในทีมขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย
เพื่อให้การดำเนินงานของอาณาจักรดุสิตธานีเป็นไปอย่างต่อเนื่องและไร้รอยต่อ คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติแต่งตั้ง นายชนินทธ์ โทณวณิก ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรักษาการประธานกรรมการ ให้ควบตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มอีกหนึ่งตำแหน่ง เพื่อนำทัพในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้
นายชนินทธ์ โทณวณิก กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ว่า “ดุสิตธานีรู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่คุณศุภจีได้รับโอกาสอันสำคัญนี้...บริษัทขอขอบคุณสำหรับความทุ่มเท ความเป็นผู้นำ และวิสัยทัศน์ที่ได้หล่อหลอมองค์กรจนภารกิจในการวางรากฐานให้กลุ่มดุสิตธานีพร้อมที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งสำเร็จลุล่วงด้วยดี”
พร้อมกันนี้ นายชนินทธ์ยังได้กล่าวเสริมว่า ทางกลุ่มดุสิตธานียินดีที่นางศุภจีจะได้ใช้ความรู้ความสามารถเพื่อรับใช้ชาติ และพร้อมจะต้อนรับกลับมาเสมอหากภารกิจของชาติเสร็จสิ้นลง ซึ่งสะท้อนถึงความสัมพันธ์อันดีและความเชื่อมั่นในการตัดสินใจครั้งนี้
ด้านนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ได้เปิดเผยความรู้สึกตลอดเกือบ 10 ปีที่ผ่านมาว่า “รู้สึกเป็นเกียรติและภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแบรนด์ไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับโลก” พร้อมทั้งให้ความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน คู่ค้า และพนักงานว่า การดำเนินงานของกลุ่มดุสิตธานีหลังจากนี้จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากแผนงานเดิมที่ได้วางรากฐานไว้อย่างมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม, การศึกษา, อาหาร, อสังหาริมทรัพย์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมกะโปรเจกต์อย่าง “ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค” มูลค่ากว่า 46,000 ล้านบาท ที่จะเดินหน้าสร้างการเติบโตตามเป้าหมายต่อไป
“อยากให้ทุกคนมั่นใจว่า สิ่งที่ถูกส่งต่อและวางไว้บนมือของผู้บริหารและพนักงานของกลุ่มดุสิตธานีหลังจากนี้ คือ การเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ บนรากฐานที่มั่นคง ที่ดิฉันและทีมดุสิตธานีทุกคนร่วมกันสร้างไว้” นางศุภจีกล่าวทิ้งท้าย
บทพิสูจน์ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่า “กำไรที่แท้จริง” ของดุสิตธานีในทศวรรษที่ผ่านมา ไม่ได้อยู่แค่ในบรรทัดสุดท้ายของงบการเงิน แต่อยู่ใน “แบรนด์, ผู้คน, และการลงทุนระยะยาว” ที่พร้อมจะส่งต่ออาณาจักรแห่งนี้ให้เติบโตอย่างยั่งยืนในบริบทใหม่ของโลกต่อไป
ลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ เพื่ออ่านบทความฟรีไม่จำกัด